สปช.แปดริ้วลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลักดันการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์

ฉะเชิงเทรา - สปช.แปดริ้ว ลงพื้นที่เก็บข้อมูล ดูการประยุกต์ใช้อุปกรณ์พลังงานทดแทน ที่ศูนย์ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน อ.บางคล้า เตรียมนำเสนอสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงานชุดใหญ่ที่รัฐสภา เผยมีความเป็นไปได้สูงในการผลักดันให้เกิดการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ภาคครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น

วันนี้ (28 ม.ค.) นายชาลี เจริญสุข สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังที่ศูนย์ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ริมถนนสาย 304 ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อศึกษาดูงานในด้านการประยุกต์ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ที่ได้มีการพัฒนาอุปกรณ์ และการนำไปใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทนได้อย่างหลากหลาย

โดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถประหยัดพลังงานได้เพิ่มมากขึ้นกว่าในยุคก่อนหน้านี้มาก ทั้งอุปกรณ์หลอดไฟแอลอีดียุคใหม่ ที่ให้ความสว่างมากกว่ายุคเก่าแต่กินไฟน้อย การสูบน้ำในภาคเกษตรกรรมด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยลดต้นทุนชาวนา และการเกษตรทุกรูปแบบที่ใช้น้ำ

โดยเฉพาะในวันนี้ได้ทำการทดสอบเครื่องสูบน้ำไฟฟ้ารุ่นประยุกต์ใหม่ล่าสุด (ปั๊มน้ำ Brushlcss) ที่ประหยัดพลังงานลงได้กว่าเดิมอีกถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หากนำมาเปรียบเทียบกับปั๊มน้ำ DC (ไฟฟ้ากระแสตรง) ที่เคยใช้กับพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วไป

จากเดิมปั๊มน้ำขนาด 7,000 ลิตรต่อชั่วโมง จะใช้พลังงาน 120 วัตต์ แต่ปั๊มน้ำรุ่นประหยัดยุคล่าสุดนั้นสามารถสูบน้ำได้มากถึงในอัตรา 4,000 ลิตรต่อชั่วโมง แต่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าเพียง 50 วัตต์ต่อ ชม. หรือใช้แผงโซลาร์เซลล์ขนาดเล็ก (20 วัตต์) เพียง 2 แผงก็สามารถทำงานได้ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบามากกว่า การเคลื่อนย้ายสะดวกกว่า

นายชาลี กล่าวว่า หลังการเข้ามาเก็บข้อมูลการประยุกต์ใช้พลังงานทดแทน และทำการทดสอบอุปกรณ์ที่ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนอง และสนับสนุนต่อการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นแล้วนั้น ตนในฐานะเป็นคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะได้นำเรื่องดังกล่าวนี้ไปนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงานชุดใหญ่ ที่จะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ ในเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา

นอกจากนั้น จะได้นำเข้าที่ประชุมแบบต่อเนื่องในวันเดียวกัน ในคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปไฟฟ้า ที่จะมีการประชุมกันในเวลา 13.00 น. รวมถึงจะนำเข้าไปยังในที่ประชุมของคณะอนุกรรมาธิการพลังทดแทน และหมุนเวียน ที่จะมีการประชุมกันในวันศุกร์ ที่ 30 ม.ค.นี้อีกด้วย

นายชาลี กล่าวต่อไปว่า เพื่อใช้ประกอบในการทำนโยบายเร่งด่วนที่จะเดินหน้าผลักดันให้จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดนำร่องในการเดินหน้าโครงการ ซึ่งจะมีการดำเนินการในลักษณะของการเผยแพร่ รวมถึงยังมีศูนย์ฝึกอบรมในการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพื่อขยายการใช้งานไปสู่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศด้วย เพราะจังหวัดเรามีความพร้อมรอบด้านที่จะขับเคลื่อนการใช้พลังงานทดแทน โดยจะจับมือกับทางภาคเอกชนในจังหวัดที่มีความพร้อมอยู่แล้วในด้านนี้

สำหรับภาคเอกชนที่จะเข้ามาร่วมมือนั้น จะไม่ใช่เป็นการขายอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว แต่จะมีการให้บริการ และให้ความรู้ต่อผู้สนใจ และประชาชนทั่วไปควบคู่ไปด้วย ซึ่งคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงานนั้นมีเป้าหมายใน 10 ปี ที่จะทำการขยายฐานการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในประเทศให้ได้มากถึง 1 ล้านครัวเรือน หรือให้มีกำลังการผลิตพลังงานทดแทนได้มากถึง 2 หมื่นเมกะวัตต์ ทั้งการผลิตใช้เองในครัวเรือน และการขายต่อให้แก่ทางการไฟฟ้าในราคาที่จูงใจ

เช่น ในกรณีราคาที่ขายไฟฟ้าในช่วงออนพีก (10.00-21.00 น.) หรือช่วงเวลากลางวัน จะมีการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ภาคอุตสาหกรรมในราคา 7 บาทต่อหน่วย หากราคาพลังงานทดแทนที่ผลิตได้จากแสงอาทิตย์สามารถขายได้ในราคา 5 บาทต่อหน่วย เราก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจแล้ว ส่วนในเวลากลางคืน หรือช่วงที่กระแสไฟฟ้ามีราคาถูก ราคาลดลงมาอยู่ที่หน่วยละ 4 บาทนั้น โซลาร์เซลล์เราก็ไม่ได้ทำการผลิตไฟฟ้าในช่วงนั้น

นายชาลี กล่าวว่า สำหรับราคาต้นทุนการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์นั้นได้ลดต่ำลงมามากกว่าเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วมากถึงเกือบ 4 เท่า หากเปรียบกับอัตราพลังงานที่ผลิตได้ จากราคาต้นทุนของแผงโซลาร์เซลล์ที่ลดต่ำลง รวมทั้งยังเป็นแผงรุ่นใหม่กว่า มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า และยังมีขนาดเล็ก และน้ำหนักน้อยกว่าอีกด้วย จึงสะดวกต่อการติดตั้ง และบำรุงรักษาในทุกๆ ด้าน จึงต้องเร่งผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมาย ข้อกำหนด และระเบียบทางราชการให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจได้รับความสะดวกในการหันมาร่วมกันผลิต และใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนกันมากขึ้น