ตราด - รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เดินทางตรวจท่าเทียบเรือคลองใหญ่ พบสร้างล่าช้า คาดยืดเวลาเสร็จ พ.ค.59 เผยท่าเรือคลองใหญ่มีส่วนเสริมเขต ศก.พิเศษคลองใหญ่ แนะเพิ่มการบรรทุกจาก500 ตัน เป็น 2 พันตัน
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่บริเวณที่ก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านความปลอดภัย) พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายวีรศักดิ์ ตินโนเวช ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ นายสมภพ ปัญญไวย์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานทะเบียนเรือ นายภิมุข ประยูรพรหม ผู้อำนวยการสำนักวานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 และนายบุญเรียง รัตนบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด
เดินทางมาติดตามแผนการปราบปรามตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในรูปแบบแรงงานประมง กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ที่ท่าเรือกัลปังหา ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด แล้วเดินทางมาตรวจการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ที่กรมเจ้าท่า ดำเนินการว่าจ้างกลุ่มธุรกิจร่วมค้าอิตาเลียนไทย และยูนิคไทย ดำเนินการก่อสร้าง
นายชาญยุทธ ชื่นตา หัวหน้าโครงการที่รับผิดชอบโครงการ พร้อมด้วย นายฉัตรชัย สุริยอัมพร ผู้จัดการโครงการท่าเรือคลองใหญ่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด ต้อนรับ และพาชมการก่อสร้างโครงการที่ดำเนินการเสร็จไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2558 แต่อาจจะมีความล่าช้าบ้างซึ่งปัจจุบันล่าช้าไปเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการก่อสร้างจะเร่งรัดให้ตรงตามแผนมากที่สุด
นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านความปลอดภัย) กล่าวว่า สะพานท่าเทียบเรือแห่งนี้ดำเนินการก่อสร้างด้วยงบกรมเจ้าท่าที่ต้องการพัฒนาในเรื่องการขนส่งสินค้าทางน้ำไปกัมพูชา นอกจากนี้ ยังเป็นท่าเรือเพื่อการประมง การท่องเที่ยว และของกองทัพเรือ และทราบว่ามีปัญหาในเรื่องการก่อสร้างล่าช้าบ้าง แต่ได้เร่งรัดให้ผู้รับเหมาดำเนินการให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ ได้แนะนำให้ผู้ก่อสร้างดูแลในเรื่องเขื่อนกันคลื่น และการรองรับการขนส่งทางน้ำ ท่าเรือแห่งนี้ที่มีจำนวน 500 ตันกรอส และเป็นการรองรับสินค้าเทกองเท่านั้นซึ่งน้อยไปหากจะพัฒนาในการรองรับการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ขึ้น
“ท่าเทียบเรือแห่งนี้กรมเจ้าท่าก่อสร้างขึ้นก่อนที่รัฐบาลจะประกาศให้อำเภอคลองใหญ่ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งท่าเรือแห่งนี้สามารถเสริมการพัฒนาในการเป็นพื้นที่พิเศษได้เป็นอย่างดี แต่ต้องมีการของบประมาณในการดำเนินการยกระดับให้ท่าเรือแห่งนี้สามารถรองรับขนส่งสินค้าที่มีขนาดถึง 2,000 ตัน ได้จะเกิดประโยชน์มากต่อการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะการขนส่งสินค้าไปต่างประเทศต้องเป็นการขนส่งโดยตูคอนเทนเนอร์มากกว่าเป็นการขนส่งสินค้าแบบเทกอง ซึ่งทางกรมเจ้าท่า จะได้เสนอทางรัฐบาลต่อไป”
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่บริเวณที่ก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านความปลอดภัย) พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายวีรศักดิ์ ตินโนเวช ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ นายสมภพ ปัญญไวย์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานทะเบียนเรือ นายภิมุข ประยูรพรหม ผู้อำนวยการสำนักวานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 และนายบุญเรียง รัตนบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด
เดินทางมาติดตามแผนการปราบปรามตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในรูปแบบแรงงานประมง กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ที่ท่าเรือกัลปังหา ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด แล้วเดินทางมาตรวจการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ ที่กรมเจ้าท่า ดำเนินการว่าจ้างกลุ่มธุรกิจร่วมค้าอิตาเลียนไทย และยูนิคไทย ดำเนินการก่อสร้าง
นายชาญยุทธ ชื่นตา หัวหน้าโครงการที่รับผิดชอบโครงการ พร้อมด้วย นายฉัตรชัย สุริยอัมพร ผู้จัดการโครงการท่าเรือคลองใหญ่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด ต้อนรับ และพาชมการก่อสร้างโครงการที่ดำเนินการเสร็จไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2558 แต่อาจจะมีความล่าช้าบ้างซึ่งปัจจุบันล่าช้าไปเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการก่อสร้างจะเร่งรัดให้ตรงตามแผนมากที่สุด
นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (ด้านความปลอดภัย) กล่าวว่า สะพานท่าเทียบเรือแห่งนี้ดำเนินการก่อสร้างด้วยงบกรมเจ้าท่าที่ต้องการพัฒนาในเรื่องการขนส่งสินค้าทางน้ำไปกัมพูชา นอกจากนี้ ยังเป็นท่าเรือเพื่อการประมง การท่องเที่ยว และของกองทัพเรือ และทราบว่ามีปัญหาในเรื่องการก่อสร้างล่าช้าบ้าง แต่ได้เร่งรัดให้ผู้รับเหมาดำเนินการให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ ได้แนะนำให้ผู้ก่อสร้างดูแลในเรื่องเขื่อนกันคลื่น และการรองรับการขนส่งทางน้ำ ท่าเรือแห่งนี้ที่มีจำนวน 500 ตันกรอส และเป็นการรองรับสินค้าเทกองเท่านั้นซึ่งน้อยไปหากจะพัฒนาในการรองรับการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ขึ้น
“ท่าเทียบเรือแห่งนี้กรมเจ้าท่าก่อสร้างขึ้นก่อนที่รัฐบาลจะประกาศให้อำเภอคลองใหญ่ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งท่าเรือแห่งนี้สามารถเสริมการพัฒนาในการเป็นพื้นที่พิเศษได้เป็นอย่างดี แต่ต้องมีการของบประมาณในการดำเนินการยกระดับให้ท่าเรือแห่งนี้สามารถรองรับขนส่งสินค้าที่มีขนาดถึง 2,000 ตัน ได้จะเกิดประโยชน์มากต่อการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะการขนส่งสินค้าไปต่างประเทศต้องเป็นการขนส่งโดยตูคอนเทนเนอร์มากกว่าเป็นการขนส่งสินค้าแบบเทกอง ซึ่งทางกรมเจ้าท่า จะได้เสนอทางรัฐบาลต่อไป”
