พิษณุโลก - ทหาร พล.ร.4 จี้ติดคดีเอาผิด “OHO บายปูนิ่ม” สั่ง DSI สอบการเสียภาษีจากสรรพากร หลังพบมีการโอนเงินซื้อสินค้ากว่า 3 หมื่นรายการ รวม 80 กว่าล้านบาท แถมออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก เผยล่าสุด จนท.แจ้งดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อาหาร และเครื่องสำอาง แล้ว 9 ราย ระบุคนขายทางออนไลน์ไม่ผิด แค่ถูกหลอก
วันนี้ (27 ม.ค.) พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 ได้ประชุมร่วมกับนายสมพร ทิพยโสตนัยนา ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 6 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), พ.ต.อ.สามารถ จูเทศ ผกก.สอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เพื่อสอบถามและติดตามความคืบหน้าคดีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน“โอ้โห” บริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด ของนายวรกร ยิ้มอยู่ อายุ 32 ปี และ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน อายุ 27 ปี สองสามีภรรยา หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ
ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานต่อที่ประชุมว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาจำนวน 9 ราย ประกอบด้วย 1. นายวรกร ยิ้มอยู่ 2. นางสาวศิรินทรา เส็งสิน 3. น.ส.รุ่งนภา คำมินทร์ กรรมการผู้จัดการ 4. น.ส.สุพรรณษา โคลงกาพย์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท อินโนว่า แล็บโบราโทรี่ จำกัด 5. นายชัยวัฒน์ สรรค์นิกร ผจก.ฝ่าย ของบริษัทโอ้โห สลิมพลัส (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
6. นายปวริศร์ มีสัตย์ ผจก.ฝ่าย ของบริษัทโอ้โห สลิมพลัส (อยู่ระหว่างดำเนินการ) 7. นายสุรพงศ์ ไพศาลพิพัฒน์กูล ผจก.ฝ่าย ของบริษัทโอ้โห สลิมพลัส (อยู่ระหว่างดำเนินการ) 8. บริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด และ 9. บริษัท อินโนว่า แล็บโบราโทรี่ จำกัด
ในข้อหาตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 คือ 1. ฐานจำหน่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุก ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 พันบาทถึง 1 แสนบาท 2. ฐานจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท 3. ฐานจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ
4. ฐานโฆษณาสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 5. ฐานโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท และดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง 2535 ฐานขายเครื่องสำอาจแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ผลการตรวจสอบ บริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด พบว่า มีสมาชิกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OHO บายปูนิ่ม โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อซื้อสินค้า 30,000 รายการ มีวงเงินจำนวน 80 ล้านบาท ที่ยังไม่มีการเสียภาษี
พล.ต.นพพรระบุว่า จากยอดโอนเงินซื้อสินค้า 3 หมื่นกว่ารายการ ถามว่าแจ้งเสียภาษีเท่าไร ต้องไปตรวจดู ทำไมมียอดขายถึง 80 ล้านบาท และสอบดูอีกว่าหลังถูกจับกุมจะยื่นเสียภาษีเท่าใด ส่วนฐานความผิดกรณีฉ้อโกงจะต้องพิจารณาดูอีกครั้ง เนื่องจากพบหลักฐานการส่งสินค้า แต่สินค้าทั้งหมดคือของผิดกฎหมาย จะต้องไปพิจารณาว่า เข้าข่ายหลอกลวงหรือไม่
ส่วนพนักงานขายทางออนไลน์ไม่ผิด เนื่องจากถูกหลอกขาย แต่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ต้องไปสอบสวนพนักงานฝ่ายขายของบริษัทโอ้โห สลิมพลัส จำกัด จำนวน 30 คนว่า มีส่วนรู้เห็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ และให้ดีเอสไอเร่งรัดเจ้าหน้าที่สรรพากรให้ดำเนินคดีโดยเร็ว
โดยช่วงนี้ก็ขอให้ประชาชนตรวจสอบและระมัดระวังในการซื้อสินค้าประเภทขายตรงด้วย เพราะหลังเกิดเป็นคดีกับสินค้าตัวเดิมแล้ว บริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด กลับผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนตัวใหม่ออกมาอีก ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฯ จึงจะต้องไปตรวจสอบคุณภาพว่ามีสารใดปลอมปนอย่างละเอียดก่อนจำหน่าย
ทั้งนี้ สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกกล่าวว่า สินค้าตัวเดิมของ “OHO บายปูนิ่ม” มีสาร “ไซบูทรามีน” เป็นสารที่มีอันตรายต่อสุขภาพ หากรับประทานเป็นเวลานานจะสะสมจนถึงแก่ชีวิตได้ เป็นส่วนผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนด้วย คือ 1. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โอ้โห บายปูนิ่ม มายแสลมมี่ รสมิกซ์ฟรุต 2. ยู-สลิม ยู เบอร์รี่ 500 mg U-Slim U Berry Per Serving 3. OHO U-Slim U Berry Plus
จากนั้นทหารได้พาสื่อมวลชนเดินทางไปดูของกลาง ผลิตภัณฑ์โอโหที่เก็บอยู่ในกองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมืองพิษณุโลก ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนชื่อดัง “โอ้โห” ตั้งอยู่เลขที่ 919/54 หมู่ 7 ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกเข้าตรวจค้นเมื่อปลายปี 57 และร้องทุกข์กล่าวโทษ ดำเนินคดีเมื่อ 21 พ.ย. 57 ต่อมาได้มีการอายัดสินค้าเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 57 เก็บไว้ที่กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 กองทัพภาคที่ 3 จนถึงปัจจุบัน