บุรีรัมย์ - ตร.บุรีรัมย์รวบนักต้มตุ๋นโคตรแสบ ตระเวนหลอกซื้อหมูจากชาวบ้านหลายอำเภอในบุรีรัมย์ให้ราคาสูงกว่าท้องตลาด แต่จ่ายเงินบางส่วน บางรายนัดชำระภายหลัง ทั้งหลอกซื้อสินค้าเหล้าเบียร์ น้ำอัดลมตามร้านค้าแล้วเชิดหนี รวมกว่า 30 คดี เสียหายกว่า 1 ล้านบาท สุดท้ายจนมุม ตำรวจรวบตัวได้ที่ีสกลนคร ลากคอดำเนินคดีฐานฉ้อโกง
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (20 ม.ค. ) ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ต.อ.ฉัตรวรรษ แสงเพชร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ พ.ต.อ.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.อดุลย์ ชัยประสิทธิกุล ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายเสน่ห์ สิบทัศ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 244 หมู่ 2 ต.สองชั้น อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน รับซื้อหมูเป็น และสินค้าอุปโภคบริโภคแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน ในหลายพื้นที่ของ จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นมีมากกว่า 30 คดี รวมความเสียหายเป็นเงินมากกว่า 1 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายเสน่ห์ สิบทัศ ผู้ต้องหา มีพฤติการณ์หลอกลวงชาวบ้าน โดยไปตระเวนติดต่อซื้อหมูที่ประชาชนเลี้ยงไว้ตามคอกเล้า โดยให้ราคาที่สูงกว่าท้องตลาดในราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท เมื่อตกลงราคาซื้อขายกันแล้วจะชำระค่าหมูบางส่วน หรือบางรายนัดชำระในภายหลัง เมื่อนายเสน่ห์ได้หมูไปแล้วก็ไม่ยอมจ่ายเงินแล้วหลบหนีไป โดยมีลักษณะโยกย้ายหมุนเวียนไปหลายอำเภอในเขตจังหวัดบุรีรัมย์
นอกจากนั้น นายเสน่ห์ยังหลอกซื้อสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น สุรา เบียร์ ตามร้านค้าส่งต่างๆ ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์จำนวนมากโดยไม่ชำระราคาสินค้า เมื่อชาวบ้านไปทวงถามนายเสน่ห์กลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินตามที่ได้ให้สัญญาไว้ กลับยังมีพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายนายเสน่ห์ได้หลบหนีไป กลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ให้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี โดยมีผู้ร้องทุกข์ไว้แล้วรวมมากกว่า 30 คดี ต้องสูญเสียเงินตั้งแต่ 7,000-300,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายแล้วเบื้องต้นมากกว่า 1 ล้านบาท แต่คาดว่าจะมากกว่านี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ร่วมกันติดตามจับกุมตัวนายเสน่ห์ได้ที่ จ.สกลนคร ก่อนส่งมอบตัวให้ สภ.เมืองบุรีรัมย์ดำเนินคดี เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพโดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์”
ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านจาก 4 อำเภอของจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วย อ.เมือง, อ.ห้วยราช, อ.กระสัง และ อ.พลับพลาชัย กว่า 30 คน เดินทางมาร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายเสน่ห์ สิบทัศ ได้แล้ว พร้อมกับพากันไปชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหารายนี้ด้วย
นางสุนีย์ ตรวจมรรคา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 14 บ.โคกกล้วย ต.สองชั้น อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกโกงขายหมู กล่าวว่า ตนถูกหลอกซื้อหมูไปทั้งหมด 13 ตัว เป็นเงินกว่า 80,000 บาท ที่ยอมขายเพราะว่าได้ราคาดี และเขามาจับถึงบ้าน โดยได้มาจับหมูไป 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือน ต.ค. 57 และมาจับครั้งที่สองเดือน พ.ย. 57 ก็จ่ายเงินให้ จนกระทั่งครั้งที่สาม ช่วงปลายเดือน พ.ย. 57 มาจับหมูอีก แล้วบอกจะนำเงินมาจ่ายให้วันหลัง แต่ไม่มาจ่ายอีกเลยจนถึงวันนี้ ทำให้ต้องเป็นหนี้สิน ไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ ธ.ก.ส.กว่า 50,000 บาท
ด้าน นายพิพัฒน์พล เดชหิรัญวรดิษฐ์ อายุ 35 ปี เจ้าของร้านแสงสุริยา ตลาดทอง ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ขายสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งถูกหลอกขายสินค้า กล่าวว่า ตนได้ขายสุรา เบียร์ และน้ำอัดลมให้นายเสน่ห์ไปทั้งหมด 3 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 298,950 บาท โดยมาซื้อครั้งแรกเดือน ต.ค. 57 เป็นเงินทั้งสิ้น 128,802 บาท ครั้งที่สอง วันที่ 15 พ.ย. 57 เป็นเงินทั้งสิ้น 100,000 บาท และครั้งที่สาม วันที่ 17 พ.ย. 57 เป็นเงินทั้งสิ้น 70,148 บาท สาเหตุที่ไว้ใจเพราะว่ารู้จักบ้านและมีการจ่ายเงินให้บ้าง คิดว่าเงินที่เสียไปคงจะสูญแล้ว จึงอยากให้ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ฉัตรวรรษ แสงเพชร รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า กรณีนี้ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านได้ไปแจ้งความต่อตำรวจ และจากการตรวจสอบในครั้งนี้พบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้หลอกซื้อหมูในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดไปแล้วจ่ายเงินบ้าง ไม่จ่ายบ้าง ทั้งยังไปหลอกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค มีการจ่ายเงินครั้งแรก แต่ระยะหลังไม่จ่าย ก่อนจะหลบหนีไป
ในส่วนของคดีความนั้นจะดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนเพราะผู้เสียหายมีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี ขอแจ้งให้ประชาชนที่เคยขายหมู และสินค้าอุปโภคบริโภคให้ผู้ต้องหารายนี้สามารถไปแจ้งความเพิ่มเติมได้