บุรีรัมย์เปิดตลาดนัดซื้อข้าวสูงกว่าท้องตลาดช่วยชาวนา หลังราคาตกต่ำ

บุรีรัมย์ - การค้าภายใน จ.บุรีรัมย์จับมือพาณิชย์จังหวัด สหกรณ์การเกษตรฯ และผู้ประกอบการโรงสี เปิดตลาดนัดรับซื้อข้าวเปลือกในราคาเป็นธรรมและสูงกว่าท้องตลาด ในราคา ก.ก.ละ 13.40 บาท เพื่อช่วยเหลือชาวนาหลังประสบปัญหาราคาตกต่ำ ทั้งถูกกดราคาเหลือเพียง ก.ก.ละ 10-11 บาท ขณะชาวนาเข้าคิวรอขายวันละร่วมร้อยราย

วันนี้ (26 พ.ย.) การค้าภายในจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด สหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด และผู้ประกอบการโรงสีจากภาคกลาง 3 ราย จัดโครงการตลาดนัดข้าวและพืชไร่ ปีการผลิต 2557/58 รับซื้อข้าวเปลือกของเกษตรกร ที่สหกรณ์การเกษตรกระสัง จำกัด ตั้งอยู่ ต.กระสัง อ.กระสัง เป็นแห่งแรกของจังหวัด เพื่อช่วยเหลือชาวนาหลังประสบปัญหาราคาตกต่ำ

โดยตลาดนัดดังกล่าวจะรับซื้อข้าวเปลือกของเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 13.40 บาท หรือตันละ 13,400 บาท ที่เปอร์เซ็นต์ต้นข้าว 42 กรัม และปรับลดตามเปอร์เซ็นต์หรือความชื้นของข้าวซึ่งสูงกว่าท้องตลาดที่รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 10-11 บาท

อีกทั้งเพื่อเป็นทางเลือกและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ชาวนาหลังหลายพื้นที่ได้ถูกโรงสีหรือพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อทำให้ได้ราคาต่ำ ซึ่งการเปิดตลาดนัดดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวนานำรถบรรทุกข้าวเปลือกมาเข้าคิวรอขายข้าวร่วม 100 ราย

นายบุญจันทร์ โกยรัมย์ อายุ 50 ปี ชาวนาบ้านหนองแขม ต.กระสัง อ.กระสัง บอกว่า การเปิดตลาดรับซื้อข้าวเปลือกในครั้งนี้แม้จะมีราคาสูงกว่าท้องตลาดแต่ยังเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน เพราะเกษตรกรต้องแบกรับภาระทั้งค่าปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช ค่าเก็บเกี่ยว ทั้งยังเสี่ยงกับภัยธรรมชาติฝนแล้ง น้ำท่วมทำให้ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลกำหนดราคาซื้อขายข้าวไม่ให้ต่ำกว่าตันละ 15,000 บาท จึงจะเป็นราคาที่คุ้มทุนเกษตรกรสามารถอยู่ได้

นายปรารภ ลิไธสง การค้าภายในจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า โครงการเปิดตลาดนัดรับซื้อข้าวในครั้งนี้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ชาวนา ให้เกิดการแข่งขันทางการตลาด ทั้งเพื่อให้ชาวนาได้รับความเป็นธรรมทั้งเรื่องราคา เครื่องชั่ง และขั้นตอนการตรวจวัดความชื้นหรือคุณภาพข้าว โดยมีเป้าหมายจะเปิดตลาดนัดรับซื้อข้าวเปลือกทั้งหมด 5 อำเภอ คือ อ.กระสัง คูเมือง เมือง หนองหงส์ และ อ.เฉลิมพระเกียรติ

ทั้งนี้ จากข้อมูลปีนี้ จ.บุรีรัมย์มีพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 3 ล้านไร่ คาดว่าจะมีผลผลิตข้าวทั้งหมดกว่า 1,100,000 ตัน ซึ่งขณะนี้เก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 80% และผลผลิตออกสู่ท้องตลาดแล้วประมาณ 40%