ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - นายกเล็กเทศบาลตำบลหัวทะเล โคราช แจงถนนหินคลุกสั้นจุ๊ดจู๋ใช้งบ 3 แสนคุ้มค่า เพราะไม่ใช่แค่หินคลุกอย่างเดียวแต่มีการวางท่อด้วย ยันยึดราคากลางของพาณิชย์จังหวัด ยอมรับเดิมเป็นเหมืองเก่าแต่ผ่านประชาคมหมู่บ้านแล้ว อ้างเป็นทางลัดเข้าหมู่บ้านแต่ไม่ยอมพูดสิ้นสุดแค่บ้าน 2 หลัง โอ๋ขนพืชไร่ทั้งที่มีที่นาอยู่แปลงเดียว ด้าน ป.ป.ช.เร่งตรวจสอบ
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่สำนักงานเทศบาลตำบลหัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหัวทะเล พร้อมคณะผู้บริหาร ได้ร่วมกันแถลงชี้แจงกรณีมีข่าวชาวบ้านร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนถึงการสร้างถนนหินคลุก ถนนของเทศบาลตำบลหัวทะเล บ้านท่ากระสัง ซอยถนนหินคลุกไปหมู่บ้านสุรนารีวิลล์ หมู่ 9 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีการถมคลองสาธารณะสร้างถนนและราคาจ้างเหมาแพงเกินความเป็นจริงทั้งที่ถนนสั้นแค่ 75 เมตรว่า การก่อสร้างถนนหินคลุกดังกล่าวใช้ราคากลางของพาณิชย์จังหวัดกำหนด
โดยช่างผู้ประมาณการดูจากราคากลาง โดยเฉพาะหินคลุกอย่างเดียวราคากลางอยู่ที่ 35,883.02 บาทเท่านั้น แต่จะมีงานอื่นเพิ่มเติมในการก่อสร้างครั้งนี้ คืองานดินถมบดอัดแน่น ราคากลาง 36,287.81 บาท งานปรับเกลี่ยแต่งและบดอัดคันทางเดิม 1,939.50 บาท งานวางท่อระบายน้ำ จำนวน 50 ท่อน ราคากลาง 130,807 บาท และงานบ่อพักอีก 30,000 บาท รวม 300,000 บาท
ซึ่งจ้างเหมาโดยบริษัทเดียวในระยะทาง 75 เมตรดังกล่าว ในราคา 299,500 บาท และยอมรับว่าจุดที่สร้างถนนเมื่อก่อนเป็นลำเหมืองธรรมชาติ ก่อนหน้านี้พี่น้องประชาชนใช้ประโยชน์เพื่อผันน้ำเข้านา แต่ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องภัยแล้งและความสะดวกต่างๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาหลาย 10 ปี เพราะประชาชนมีเครื่องสูบน้ำ ซึ่งสูบน้ำที่ผ่านการบำบัดน้ำเสียจากบริเวณด้านข้างของเทศบาลตำบลหัวทะเลไหลลงไป
ฉะนั้น ในปัจจุบันลำเหมืองดังกล่าวใช้เพื่อการระบายน้ำมากกว่า ประชาชนจึงร้องขอมาว่าให้ดำเนินการก่อสร้างถนนและท่อระบายน้ำเพื่อประโยชน์ในการระบายน้ำและสัญจรในการขนถ่ายพืชไร่
สำหรับโครงการก่อสร้างถนนหินคลุก บ้านท่ากระสังข์ พร้อมวางท่อระบายน้ำดังกล่าวนี้เป็นโครงการที่ผ่านการประชาคมหมู่บ้านจริงเมื่อเดือน มี.ค. และเป็นโครงการที่มีความสำคัญในลำดับที่ 4 ของโครงการที่ดำเนินการในปี 2557 ส่วนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งนั้น ทางเทศบาลฯ ได้ให้ความสำคัญ โดยฝายกั้นน้ำทางเทศบาลฯ ได้ประสานกับชลประทานเข้ามาดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว
ส่วนแบริเออร์หรือคันกั้นตลิ่งนั้น ทางเทศบาลฯ ก็ได้เสนอของบประมาณไปทางจังหวัดเนื่องจากตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ในลำดับที่ 8 คือลำดับท้ายสุดที่มีการโหวตเสียงประชาคม
นายเอกภพกล่าวอีกว่า กรณีที่ข่าวระบุว่าเส้นทางถนนดังกล่าวมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ 2 หลัง คือบ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และนายสมพงษ์ นั้น ยืนยันว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางลัดของหมู่บ้าน ไม่ต้องมาผ่านแยกบริเวณสะพานท่ากระสัง แต่สามารถจะลัดออกไปบริเวณถนนสุรนารายณ์ ไปบ้านเกาะได้ และประชาชนใช้เป็นเส้นทางในการขนพืชไร่
“ฉะนั้น จึงอยากชี้แจงผ่านสื่อมวลชนเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเพราะข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางเทศบาลฯ ซึ่งไม่ทราบว่าข่าวดังกล่าวจะด้วยจุดประสงค์ทางการเมืองหรือจุดประสงค์ใดๆ ก็ตามแต่ ขอชี้แจงผ่านสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงด้วย และหากหน่วยงานใดต้องการเข้ามาตรวจสอบทางเทศบาลฯ ก็ยินดี” นายเอกภพกล่าว
รายงานเพิ่มเติมว่า จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวพบว่าข้อเท็จจริงแล้วถนนหินคลุกบางๆ สั้นเพียง 75 เมตรดังกล่าวนั้นไปสิ้นสุดลงแค่บริเวณหน้าบ้าน 2 หลังและมีแปลงนาข้าวของแม่ยายนายสมพงษ์อยู่เพียงแปลงเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะคุ้มค่ากับการใช้สัญจรและขนพืชไร่ของประชาชนเจ้าของภาษีเงินงบประมาณที่ใช้ก่อสร้างถนนดังกล่าวแต่อย่างใด และขณะนี้โครงการก่อสร้างถนนหินคลุกเส้นนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความไม่โปร่งใสของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนครราชสีมา