ศูนย์ข่าวศรีราชา - “J-Park” ศรีราชา พร้อมขยายการลงทุนในเฟสที่ 2 อีก 300 ล้านบาท โดยจะนำพื้นที่ที่เหลือจากการลงทุนในเฟสแรก 5 ไร่ มาจัดทำเป็นสะพานเชื่อมถนน 2 ฝั่งลดอุบัติเหตุและป้องกันอันตรายให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ นอกจากนั้น ยังจะเพิ่มรูปแบบร้านอาหารที่หลากหลาย เพิ่มมุมถ่ายภาพ และสร้างกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นตลอดทั้งปี ที่สำคัญยังมีแผนผลักดันให้อำเภอศรีราชา เป็นศูนย์กลางการซื้อขายอาหารทะเลแปรรูป และสินค้าในภูมิภาคต่างๆ ของญี่ปุ่น
นายทนง ศรีจิตร์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารคอมมูนิตี มอลล์ สไตล์ญี่ปุ่น “J-Park” ตั้งอยู่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เผยถึงการพัฒนาโครงการในปี 2558 ว่า คือการนำที่ดินที่เหลืออีก 5 ไร่ จากการพัฒนาพื้นที่ในเฟสแรกที่มีเนื้อที่รวมประมาณ 200 ไร่ มาจัดทำเป็นสะพานเชื่อมถนน 2 ฝั่งคือ จากฝั่งบีเอสซี มายัง เจ-พาร์ค เพื่อให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้เป็นทางเดินเชื่อมต่อจากถนนอีกฝั่งมายังโครงการโดยไม่ต้องข้ามถนน ลดอุบัติเหตุ และป้องกันอันตรายที่จะเกิดต่อประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยมีแผนพัฒนาทางเชื่อมเป็นบันไดเลื่อนเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้สะพาน
นอกจากนั้น ยังจะเพิ่มรูปแบบร้านอาหารให้หลากหลาย เช่น การเพิ่มพื้นที่สำหรับร้านอาหารแผงลอย และร้านอาหารปิ้ง ย่าง ที่นักท่องเที่ยวสามารถยืนรับประทาน หรือซื้อกลับบ้านได้หากต้องการความสะดวก และรวดเร็ว ส่วนผู้ที่ต้องการนั่งรับประทานอาหารแบบสบายๆ ควบคู่การชมสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นก็สามารถเข้าใช้บริการในร้านอาหารที่มีประมาณ 20 ร้านค้าได้เช่นกัน
“พื้นที่โครงการในเฟสแรกเราสามารถปิดการขายได้หมดแล้ว ส่วนในเฟสที่ 2 ที่จะเริ่มดำเนินการในปีนี้ ขณะนี้เราได้คุยกับคู่ค้าในหลายเจ้าใหญ่ๆ ซึ่งเขาก็สนใจ และเห็นแล้วว่า พื้นที่ของเราสามารถตอบสนองการขายได้ เพราะค่าเช่าที่ไม่แพง เนื่องจากเราไม่มีต้นทุนเรื่องราคาที่ดิน เราเพียงแต่นำที่ดินที่มีอยู่มาพัฒนาให้เป็นชุมชนเพื่อลดความแออัดในเขตเมือง โดยเฉพาะด้านการจราจร ที่สำคัญ เจ-พาร์ค มีโครงการหมู่บ้านอยู่รายล้อม จึงทำให้มีคนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งก็ถือเป็นจุดแข็งที่สามารถตอบสนองการขายพื้นที่ และสินค้าได้เป็นอย่างดี”
นายทนง ยังเผยอีกว่าในปี 2558 “เจ-พารค์” จะเพิ่มจุดถ่ายภาพสำหรับนักท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น ทั้งโซนภาพถ่าย และการจัดต้นไม้ตามฤดูกาล ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะจัดทำทางช้างเผือก ด้วยการตกแต่งโคมที่สวยงามเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และในแต่ละเดือนยังจะจัดแต่งไฟตามเทศกาล เพื่อให้คนที่เข้ามาเที่ยว และใช้บริการมีความตื่นตาตื่นใจและมีชีวิตชีวาตลอดเวลา
โดยขณะนี้บริษัทฯ ได้พยายามพูดคุยกับผู้จำหน่ายสินค้าในประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้นำสินค้าในแต่ละภูมิภาคเข้ามาแลกเปลี่ยนการขายสินค้ากับคู่ค้าในประเทศไทย เพื่อผลักดันให้เมืองศรีราชา เป็นตลาดกลางซื้อขายสินค้า เนื่องเพราะเป็นพื้นที่ที่มีอาหารทะเลแห้งที่ดีกว่าประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งยังมีผลไม้ตามฤดูกาลที่ตลาดในต่างประเทศ และญี่ปุ่นให้ความสนใจ
“การลงทุนในเฟสที่ 2 คาดว่าจะใช้งบประมาณ จำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งเราก็เชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้บริการที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2557 ได้ผลตอบรับที่ดีเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ เพราะที่ผ่านมา บริษัทฯ ไม่เคยลงทุนในลักษณะนี้มาก่อน เพียงแต่เราคิดว่าเมื่อทำทั้งทีก็ต้องทำให้ดี และต้องทำให้คนที่เข้ามาเที่ยวชมไม่เห็นแค่ว่ามุมต่างๆ ที่เราจัดทำขึ้นเป็นเพียงฉากในหนังเท่านั้น แต่คือพื้นที่จริงที่สัมผัสได้ ซึ่งคนที่เข้ามาดูก็ไม่เสียค่าเข้าชม ขณะที่เรามีบริการขายสินค้าที่จำเป็นตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะใน แม็กเวลู ที่มีสินค้าคุณภาพราคาไม่แพง”
นายทนง กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องเพราะอำเภอศรีราชา เป็นเมืองที่มีคนญี่ปุ่นเข้ามาอาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศ และมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ก็มีคนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเยอะ ประกอบกับยังมีหมู่บ้านที่รองรับคนมีฐานะเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น การตั้ง เจ-พาร์ค ในอำเภอศรีราชา จึงค่อนข้างประสบผลสำเร็จทั้งยอดเข้าใช้บริการ และการซื้อสินค้า เพราะอำเภอศรีราชา ในวันนี้ไม่ใช่เป็นแค่เมืองผ่าน แต่เป็นเมืองที่มีทั้งที่อยู่อาศัยและแหล่งงาน จึงทำให้ เจ-พาร์ค มีผู้เข้าใช้บริการในทุกๆ วัน ต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่จะมีนักท่องเที่ยวเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น