ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อากาศหนาวส่งผลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่พุ่ง เผย 4 จว.อีสานใต้ปี 57 ป่วยกว่า 3,800 ราย ตาย 20 ราย โคราชตายมากสุด 18 ราย ล่าสุด ม.ค.พบผู้ป่วยร่วม 70 ราย แนะกลุ่มเสี่ยงเด็ก-ผู้สูงอายุดูแลสุขภาพ ขณะทีมแพทย์ รพ.ประทาย พร้อม นศ.สาธารณสุขลงพื้นที่ศูนย์เด็กเล็กตรวจสุขภาพเด็กในช่วงหน้าหนาว พร้อมแนะนำดูแลสุขภาพ เน้นกินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ
วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาวะอากาศที่หนาวเย็นลงในช่วงนี้ส่งผลให้มีผู้ป่วยในระบบทางเดินหายใจจำนวนมากโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ล่าสุดคณะแพทย์จากโรงพยาบาลประทาย พร้อมด้วยนักศึกษาวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จ.ขอนแก่น และนักศึกษาคณะสาขาสาธารณสุข มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสุขภาพเด็กเล็ก ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน เทศบาลตำบลประทาย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา เพื่อดูแลและแนะนำการดูแลสุขภาพหน้าหนาวสำหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ซึ่งเทศบาลตำบลประทายมีเด็กเล็กวัยตั้งแต่ 2-3 ขวบจำนวน 35 คน แบ่งเป็น ชาย 17 คน หญิง 18 คน ครูผู้ดูแลเด็ก 1 คน ผู้ช่วย 1 คน
ทั้งนี้ ทางทีมแพทย์ได้แนะนำให้ทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดูแลหลักอนามัยให้ถูกต้อง กินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ ทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ ของเล่นเด็กต่างๆ ให้ครูช่วยตรวจสุขภาพเด็กนักเรียนทุกเช้าเพื่อดูความผิดปกติเบื้องต้น หากพบว่าเด็กมีไข้ หรือพบตุ่มใสขึ้นที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า หรือตุ่มในปาก ในกระพุ้งแก้ม ให้แยกเด็กออกจากเด็กปกติ และแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน และควบคุมโรคไม่ให้แพร่ระบาดได้อย่างทันท่วงที
ด้าน นพ.ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา เปิดเผยถึงโรคระบาดในช่วงหน้าหนาวว่า โรคไข้หวัดใหญ่เป็นอีกโรคหนึ่งที่มักเกิดขึ้นเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หากร่างกายปรับตัวไม่ทันก็อาจป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง คือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ มีโอกาสป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่าคนปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เพราะหากเป็นแล้วโอกาสเสียชีวิตทั้งแม่และลูกสูง
ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์ของผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 2557 พบผู้ป่วยทั้งสิ้นจำนวน 3,886 ราย เสียชีวิต 20 ราย แยกเป็นรายจังหวัดได้ดังนี้คือ จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วย 2,394 ราย มีผู้เสียชีวิต 18 ราย บุรีรัมย์ พบผู้ป่วย 825 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย สุรินทร์ พบผู้ป่วย 384 ราย ชัยภูมิ พบผู้ป่วย 283 ราย สำหรับเดือน ม.ค. 2558 นี้ เฉพาะใน จ.นครราชสีมาจังหวัดเดียวมีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้วถึง 69 ราย
นพ.ธีรวัฒน์กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วย ติดต่อไปยังคนอื่นๆ ได้ง่ายด้วยการไอหรือจามรดกัน บางรายได้รับเชื้อผ่านทางแก้วน้ำ ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วงได้มากกว่าผู้ใหญ่ แต่บางรายที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรงจะมีอาการหายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ ในกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรง เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ และผู้มีโรคอ้วน หากมีอาการสงสัยไข้หวัดใหญ่ให้รีบมาพบแพทย์
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มากกว่า 1 คนในโรงเรียน สถานศึกษา โรงงาน สำนักงานต่างๆ แนะนำให้ผู้ป่วยหยุดเรียนหรือหยุดทำงานจนกว่าจะหายเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 1 วัน ทำความสะอาดสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องใช้ที่มีผู้สัมผัสมากๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร ด้วยน้ำผงซักฟอก หรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป ไม่ใช้สิ่งของ เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อนอาหาร ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น
ผู้ที่ดูแลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันอยู่เสมอ หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย สัมผัสตัวหรือข้าวของเครื่องใช้ผู้ป่วยหากมีอาการเจ็บป่วย เช่น มีไข้ หายใจหอบเหนื่อย ภายใน 7 วันให้มาพบแพทย์และแจ้งประวัติการสัมผัสผู้ป่วยให้แพทย์ทราบ
