อุบลราชธานี - ชาวบ้านหลายร้อยคนรวมตัวบุกยึดวัดพระโต อ.นาตาล หวังจับตัวเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวออกจากวัดได้ทัน เหตุไม่พอใจคณะสงฆ์ไม่สั่งย้าย หลังถูกร้องเอาเงินวัดเกือบ 200 ล้านบาทไปให้คนสนิททำธุรกิจส่วนตัว สุดท้ายตกลงตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดโดยมีชาวบ้านร่วมด้วย
สืบเนื่องจากกรณีชาวบ้านจากหลายตำบลใน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี เกือบ 500 คนรวมตัวขับไล่พระครูพุทธวราธิคุณ เจ้าคณะอำเภอนาตาล และเจ้าอาวาสวัดพระโต บ้านปากแซง ต.พะลาน เนื่องจากไม่พอใจที่การนำเงินบริจาคของวัดเกือบ 200 ล้านบาทให้คนสนิทไปทำธุรกิจส่วนตัว และไม่พอใจที่ไม่ให้ชาวบ้านทำพิธีอัญเชิญขวัญพระพุทธรูปพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระประธานอายุกว่า 1,400 ปี ที่ถูกไฟไหม้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จึงเรียกร้องให้คณะสงฆ์สั่งให้พระครูพุทธวราธิคุณออกจากวัด พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
บ่ายวันที่ 18 ม.ค.ผ่านมา หลังนายสำเริง รูปสวย อดีตข้าราชการครูบำนาญ แกนนำการชุมนุม แจ้งให้ผู้ชุมนุมว่าคณะสงฆ์ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน โดยไม่สามารถออกคำสั่งให้พระครูพุทธวราธิคุณออกไปจากวัดได้ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจพากันบุกเข้าไปภายในวัด และบุกเข้าไปในกุฏิเพื่อค้นหาตัวพระครูพุทธวราธิคุณเพื่อนำตัวออกจากวัดเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่รักษาความสงบภายในวัดต้องรีบพาตัวพระครูพุทธวราธิคุณออกไปจากวัด ก่อนกลุ่มชาวบ้านจะเข้ามาถึงตัว จึงเกิดการชุลมุนวุ่นวายอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อชาวบ้านตรวจสอบในกุฏิแล้วไม่พบตัวจึงปักหลักชุมนุมต่อ โดยระบุว่าหากพระครูพุทธวราธิคุณกลับมาที่วัดอีกก็พร้อมจับตัวออกไปจากวัดทันที
ต่อมา พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ หัดกล้า รอง ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี ร่วมกับนายอนิรุทธิ์ ด่านศิระวานิชย์ นายอำเภอนาตาล ตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าเจรจากับชาวบ้านอีกครั้ง และได้ข้อยุติ คือ จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดของพระครูพุทธวราธิคุณภายใน 1-2 วันนี้ โดยมีชาวบ้านเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย และระหว่างที่มีการสอบสวนไม่อนุญาตให้พระครูพุทธวราธิคุณกลับเข้ามาในวัด
หลังจากนั้นจึงร่วมกันทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการในวันเดียวกัน ทำให้ชาวบ้านพอใจยอมสลายตัวไปในช่วงค่ำวันเดียวกัน
สำหรับพระครูพุทธวราธิคุณ รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระโต เมื่อปี 2541 โดยแต่ละปีวัดจะมีรายได้จากเงินบริจาคปีละกว่า 10 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินทั้งหมดอยู่ในอำนาจของพระครูพุทธวราธิคุณเพียงผู้เดียว ระยะหลังชาวบ้านทราบว่ามีการนำเงินบริจาคให้สีกาคนสนิทไปก่อสร้างรีสอร์ต และลงทุนทำธุรกิจหลายอย่าง ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ รวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหวให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของวัด