อุบลราชธานี - ชาวบ้านนาตาล และใกล้เคียงกว่า 400 คน รวมตัวขับไล่เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าอาวาสวัดพระโต ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระเจ้าใหญ่องค์ตื้ออายุกว่า 1,400 ปี ฐานนำเงินบริจาคของวัดไปทำธุรกิจส่วนตัว ไม่เคยปฏิบัติกิจของสงฆ์ ด่าว่าชาวบ้าน เรียกร้องให้ออกจากวัด และตรวจสอบการใช้เงิน เบื้องต้นอำเภอทำเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดออกคำสั่งแล้ว
ที่หน้าวัดพระโต บ้านปากแซง ต.พะลาน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี มีประชาชนจากหลายหมู่บ้านใน อ.นาตาล กว่า 400 คน ใช้รถติดเครื่องขายเสียงรวมตัวขับไล่พระครูพุทธวราธิคุณ เจ้าคณะอำเภอนาตาล และเจ้าอาวาสวัดพระโต
โดย นายสำเริง รูปสวย อดีตข้าราชการครูบำนาญ แกนนำการชุมนุมระบุว่า ตั้งแต่พระครูพุทธวราธิคุณ มาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อกว่า 17 ปีก่อน ได้นำเงินบริจาคของวัดที่มีรายได้ปีละกว่า 10 ล้านไปใช้จ่าย โดยเบิกจ่ายเงินด้วยตนเอง ไม่มีการชี้แจงต่อคณะกรรมการวัด และชาวบ้าน รวมทั้งมีการสร้างเหรียญ วัตถุมงคลสารพัดชนิดเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนที่เข้ามากราบไหว้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,400 ปีก่อน โดยหาประโยชน์ให้ตัวเอง และสั่งตัดต้นสักเก่าแก่ในวัดให้สีกานำไปใช้สร้างรีสอร์ตหลายต้น ทำให้ชาวบ้านสงสัยในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และไม่เคยปฏิบัติกิจของสงฆ์ เช่น การออกบิณฑบาตเลย
ประการสำคัญ เมื่อชาวบ้านทั้งชาวไทย และชาวลาวซึ่งเป็นคนยากจน แต่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธรูปพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ มากราบไหว้บูชา จะถูกเจ้าอาวาสพูดจาเหน็บแนม รวมทั้งหลังเกิดเพลิงไหม้ในอุโบสถที่ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ชาวบ้านสองฝั่งโขงพร้อมใจจะมาทำพิธีอัญเชิญขวัญซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่น ก็ถูกเจ้าอาวาสรูปนี้ขัดขวาง และขับไล่ไม่ให้เข้าไปในวัด ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ รวมตัวกันออกมาขับไล่พระครูพุทธวราธิคุณ ออกจากวัดภายใน 24 ชั่วโมง และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาเข้ามาตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของวัดเพื่อติดตามเงินของวัดที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไปทำธุรกิจโดยผ่านกลุ่มสีกาที่เข้ามาพัวพันกับพระครูพุทธวราธิคุณ เพื่อนำกลับคืนมาเป็นของประชาชนต่อไป
ต่อมา นายอนิรุทธิ์ ด่านศิระวานิชย์ นายอำเภอนาตาล ตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เข้าเจรจากับชาวบ้านได้ข้อสรุปว่า การสั่งให้พระครูพุทธวราธิคุณ พ้นจากอำนาจการปกครอง และออกจากวัดต้องให้เจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้สั่งการ นายอำเภอจะทำหนังสือประสานแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัด ให้เป็นผู้ออกคำสั่งดังกล่าว ส่วนการสอบสวนการใช้จ่ายเงินของวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด จะทำหนังสือแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงนามในการออกคำสั่งตรวจสอบตามที่ชาวบ้านร้องเรียนมา
ขณะที่ พระครูพุทธวราธิคุณ เปิดเผยถึงการรวมตัวขับไล่ครั้งนี้ว่า มีชาวบ้านที่เสียประโยชน์ในการเข้ามาหากินกับวัด ปลุกปั่นให้ชาวบ้านออกมารวมตัวขับไล่ และปฏิเสธว่า ไม่มีการยักยอกเงินของวัดไปใช้จ่ายอย่างอื่น รวมทั้งไม่ได้ให้เงินสีกาคนใดไปสร้างรีสอร์ตตามที่ถูกกล่าวหา หากคณะสงฆ์จังหวัดมีคำสั่งเช่นใดก็ยินดีปฏิบัติตามนั้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งออกมาจึงยังอยู่ในวัดตามปกติต่อไปก่อน
ที่หน้าวัดพระโต บ้านปากแซง ต.พะลาน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี มีประชาชนจากหลายหมู่บ้านใน อ.นาตาล กว่า 400 คน ใช้รถติดเครื่องขายเสียงรวมตัวขับไล่พระครูพุทธวราธิคุณ เจ้าคณะอำเภอนาตาล และเจ้าอาวาสวัดพระโต
โดย นายสำเริง รูปสวย อดีตข้าราชการครูบำนาญ แกนนำการชุมนุมระบุว่า ตั้งแต่พระครูพุทธวราธิคุณ มาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อกว่า 17 ปีก่อน ได้นำเงินบริจาคของวัดที่มีรายได้ปีละกว่า 10 ล้านไปใช้จ่าย โดยเบิกจ่ายเงินด้วยตนเอง ไม่มีการชี้แจงต่อคณะกรรมการวัด และชาวบ้าน รวมทั้งมีการสร้างเหรียญ วัตถุมงคลสารพัดชนิดเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนที่เข้ามากราบไหว้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,400 ปีก่อน โดยหาประโยชน์ให้ตัวเอง และสั่งตัดต้นสักเก่าแก่ในวัดให้สีกานำไปใช้สร้างรีสอร์ตหลายต้น ทำให้ชาวบ้านสงสัยในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และไม่เคยปฏิบัติกิจของสงฆ์ เช่น การออกบิณฑบาตเลย
ประการสำคัญ เมื่อชาวบ้านทั้งชาวไทย และชาวลาวซึ่งเป็นคนยากจน แต่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธรูปพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ มากราบไหว้บูชา จะถูกเจ้าอาวาสพูดจาเหน็บแนม รวมทั้งหลังเกิดเพลิงไหม้ในอุโบสถที่ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ชาวบ้านสองฝั่งโขงพร้อมใจจะมาทำพิธีอัญเชิญขวัญซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่น ก็ถูกเจ้าอาวาสรูปนี้ขัดขวาง และขับไล่ไม่ให้เข้าไปในวัด ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ รวมตัวกันออกมาขับไล่พระครูพุทธวราธิคุณ ออกจากวัดภายใน 24 ชั่วโมง และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาเข้ามาตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของวัดเพื่อติดตามเงินของวัดที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไปทำธุรกิจโดยผ่านกลุ่มสีกาที่เข้ามาพัวพันกับพระครูพุทธวราธิคุณ เพื่อนำกลับคืนมาเป็นของประชาชนต่อไป
ต่อมา นายอนิรุทธิ์ ด่านศิระวานิชย์ นายอำเภอนาตาล ตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เข้าเจรจากับชาวบ้านได้ข้อสรุปว่า การสั่งให้พระครูพุทธวราธิคุณ พ้นจากอำนาจการปกครอง และออกจากวัดต้องให้เจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้สั่งการ นายอำเภอจะทำหนังสือประสานแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัด ให้เป็นผู้ออกคำสั่งดังกล่าว ส่วนการสอบสวนการใช้จ่ายเงินของวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด จะทำหนังสือแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงนามในการออกคำสั่งตรวจสอบตามที่ชาวบ้านร้องเรียนมา
ขณะที่ พระครูพุทธวราธิคุณ เปิดเผยถึงการรวมตัวขับไล่ครั้งนี้ว่า มีชาวบ้านที่เสียประโยชน์ในการเข้ามาหากินกับวัด ปลุกปั่นให้ชาวบ้านออกมารวมตัวขับไล่ และปฏิเสธว่า ไม่มีการยักยอกเงินของวัดไปใช้จ่ายอย่างอื่น รวมทั้งไม่ได้ให้เงินสีกาคนใดไปสร้างรีสอร์ตตามที่ถูกกล่าวหา หากคณะสงฆ์จังหวัดมีคำสั่งเช่นใดก็ยินดีปฏิบัติตามนั้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งออกมาจึงยังอยู่ในวัดตามปกติต่อไปก่อน