กาญจนบุรี - สร้างชื่ออีกแล้ว! “ยาสมุนไพรหมอเณร” ช่วยชีวิตหนุ่มอำเภอไทรโยค กาญจนบุรี วัย 27 ปี น้ำหนักหนักกว่า 170 กิโลกรัม หลังป่วยเป็นโรคหัวใจโต ลิ้นหัวใจรั่ว เส้นเลือดหัวใจตีบ ไตวายฉับพลัน เลือดจาง กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ต้องตระเวนรักษาตาม รพ.ดังหลายแห่งสูญเงินหลายแสนบาท จนหมอบอก “ไม่รอดแน่” แต่สุดท้ายหันมาพึ่งยาสมุนไพรหมอเณร เพียง 2 เดือน หายเป็นปลิดทิ้ง เดินได้ตามปกติ เจ้าตัวเผยเคยคิดฆ่าตัวตายมาถึง 2 ครั้ง และหลังกินยาหมอเณรไปให้แพทย์โรงพยาบาลดังตรวจถึงกับงง!
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (15 ม.ค.) นายทศพร อยู่ฤทธิ์ อายุ 27 ปี ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจโต ลิ้นหัวใจรั่ว เส้นเลือดหัวใจตีบ ไตวายฉับพลัน เลือดจาง และกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวที่สวนสมุนไพรหมอเณร เลขที่ 36 หมู่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ขณะเดินทางไปรับยาสมุนไพรรักษาโรคหัวใจจาก นายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร หมอยาสมุนไพรชื่อดังว่า ครอบครัวของตนมีอาชีพค้าขายกล้วยฉาบ และอาหารตามสั่ง ชื่อร้านกล้วยฉาบแม่ลำเพย ตั้งอยู่ตรงข้ามกับน้ำตกไทรโยคน้อย อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2556 ขณะที่ตนกำลังขายของอยู่ตามงาน อยู่ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยหมดแรง แน่นหน้าอก อาเจียนเป็นเลือด นอนก็ไม่ได้ หายใจไม่ออก จะต้องอาศัยโซฟาสำหรับนั่งหลับ เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ครอบครัวจึงนำตัวไปรักษาครั้งแรกที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครปฐม ผลการตรวจเช็กของหมอ พบว่า ตนป่วยเป็นโรคหัวใจโต ลิ้นหัวใจรั่ว 2 ลิ้น เส้นเลือดหัวใจตีบ 1 เส้น ไตวายฉับพลัน เลือดจาง กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ หมอได้บอกแก่ตนว่าตนอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 ปี
พอหมอบอกตนอย่างนั้นก็รู้สึกใจหายทันที ทำให้ตนคิดมากตลอดเวลา เคยคิดแม้กระทั่งจะฆ่าตัวตายด้วยการเดินไปให้รถชนหวังว่าจะให้แม่ได้เงินประกันอุบัติเหตุ หากป่วยตายจะทำให้แม่ได้เงินประกันน้อยลง
“นี่คือความคิดของผมในขณะนั้น แต่ครอบครัวของผมก็พยายามพาตนไปรักษา และมาที่โรงพยาบาลในจังหวัดกาญจนบุรี หมอก็บอกว่ารักษาไม่ได้ ผมจึงร้องขอให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช หมอก็บอกว่าจะให้ส่งไปทำไม เพราะส่งไปหมอก็ทำอะไรไม่ได้”
นายทศพร อยู่ฤทธิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นครอบครัวจึงพาตนไปพบหมอที่โรงพยาบาลศูนย์โรคหัวใจที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งหมอที่โรงพยาบาลก็บอกแก่ตนว่า อยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน ตนยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีก จึงกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน แม่ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วง และสงสารตนมาก คอยปลอบใจตนตลอดเวลาว่าขอให้ตนต่อสู้ต่อไป หากลูกเป็นอะไรไปแม่จะอยู่กับใคร ซึ่งตนก็บอกต่อแม่ว่า ช่างมันเถอะแม่ถึงเวลาจะตายมันก็ต้องตาย
ขณะที่นอนป่วยอยู่บ้านได้ประมาณ 2 วัน อาการก็เริ่มแย่ลง ไข้ขึ้นสูง และเจ็บปวดข้างในท้อง เหมือนลมหายใจจะหยุดเต้น เมื่อทนไม่ไหวจึงมารักษาที่โรงพยาบาลอีกแห่งในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน นอนรักษาอยู่ได้ถึงวันที่ 4 รู้สึกทรมารแบบสุดๆ หายใจไม่ออก จึงคุยกับแม่ว่าจะรอดคืนนี้ไหม แม่ก็ได้แต่ร้องไห้ต้องโทร.ตามญาติมาช่วยกันปลอบใจ
“สุดท้ายค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับการรักษาทุกโรงพยาบาลประมาณเกือบ 3 แสนบาท เงินที่แม่หามาได้ก็หมดไปกับการรักษา ผมจึงกลับมาคิดว่าจะฆ่าตัวตายอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อมองดูหน้าแม่ก็เกิดความสงสารแม่ขึ้นมาทันที จึงคิดได้ว่าหากตนตายไปแล้วแม่จะอยู่กับใคร เพราะพ่อกับพี่สาวก็เพิ่งจะเสียชีวิตไปได้ไม่นาน“
นายทศพร อยู่ฤทธิ์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะที่ตนอยู่บ้านก็มีอาการเจ็บปวดและทรมารจากโรคหัวใจที่เป็นอยู่แบบสุดๆ เคยลองกินยาสมุนไพรจีนที่มีคนนำมาขายขวดละ 1,500 บาท กิน 1 ขวดให้หมดภายใน 2 วัน กินช่วงแรกก็รู้สึกอาการดีขึ้น แต่กินไปกินมาอาการก็ไม่ดีขึ้นจึงเลิกกิน ซึ่งหมดไปกับการซื้อยาสมุนไพรจีนประมาณ 1 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินที่แม่ได้มาจากการขายของที่ร้าน
จากนั้นมีคนแนะนำให้ไปกินยาสมุนไพรของฤาษี ตนจำชื่อไม่ได้อยู่ที่ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี กินได้ประมาณ 3 วัน รูปร่างก็เริ่มบวมใหญ่ขึ้น น้ำหนักขึ้นสูงถึง 174 กิโลกรัม เริ่มมีอาการไตวายฉับพลัน ฉี่ไม่ออก จึงต้องหยุดกินยาสมุนไพรของฤาษี
ต่อมา ป้าจึงพาตนไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ โดยรักษาอยู่ได้ 5 วัน หมอก็มาบอกว่า “ขอไม่เกรงใจนะ บอกตรงๆ ว่าหนูอาการจะไม่ดีขึ้น อาการจะทรงตัวอยู่อย่างนี้ หรือไม่อาการก็จะแย่ลง และจะอยู่ได้อีกไม่นาน” หลังจากที่หมอบอก ตนเริ่มรู้สึกเฉยๆ เพราะเริ่มทำใจได้แล้ว
ส่วนแม่เองก็เริ่มทำใจได้แล้วเช่นกัน เพราะในเมื่อหมอพูดถึงขนาดนี้แล้ว และเป็นโรงพยาบาลที่ผู้คนเชื่อถือมากที่สุด จึงตัดสินใจกลับมานอนรักษาอยู่ที่บ้าน บอกได้เลยว่า ตั้งแต่ตนป่วยไม่สบาย เวลานอนต้องนั่งหลับบนโซฟาเป็นเวลานานกว่า 9 เดือน ไม่สามารถนอนบนเตียงได้ เพราะเมื่อนอนจะหยุดหายใจทันที
จุดเปลี่ยนชีวิตของตนอยู่ที่ก่อนหน้านี้ มีเพื่อนของตนคนหนึ่งได้เช็กข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่รักษาโรคหัวใจด้วยยาสมุนไพร จึงไปพบข้อมูลการรักษาโรคหัวใจด้วยยาสมุนไพรของหมอเณร มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่ออยู่ด้วย เพื่อนจึงนำเบอร์โทร.มาให้แก่ตน ซึ่งเพื่อนได้นำมาให้ก่อนที่ตนจะไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ แต่ตนก็ไม่ได้สนใจ เพราะที่ผ่านมาตนคิดว่าเคยลองกินยาสมุนไพรหลายชนิดหมดเงินไปเป็นจำนวนมากแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น
แต่มาภายหลังได้เปลี่ยนใจ เพราะได้พูดคุยปรึกษากับแม่ และญาติๆ ว่า ที่ผ่านมาเราไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ หมดเงินไปมากมายก็ไม่หาย อย่างน้อยก็ยังมีทางเลือกสุดท้ายอยู่ คือ จะต้องตัดสินใจลองมาหาหมอเณรดู จนในที่สุดประมาณปลายเดือนตุลาคม 2557 แม่และญาติได้พาตนมาพบหมอเณร ที่สวนสมุนไพรหมอเณร ขณะนั้นยังเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นมาเพราะน้ำหนักมาก
แต่เมื่อมาถึงก็พบเพียงภรรยาของหมอเณร และบอกว่า หมอเณรเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์ กับวันอาทิตย์ ตนจึงร้องขอให้ภรรยาของหมอเณรช่วย เพราะอาการของตนแย่มาก และสุดท้ายหมอเณร ก็มาพบตน และได้จ่ายยาสมุนไพรให้นำไปกินที่บ้าน โดยอธิบายขึ้นตอน และวิธีการกินยาสมุนไพรอย่างละเอียดเพื่อให้ตน และญาติเข้าใจในวิธี
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนคือ หลังจากกินยาสมุนไพรได้เพียง 3 วันเท่านั้น อาการก็เริ่มเห็นผลทันที ตนสามารถลงไปนอนบนเตียงได้แล้ว โดยไม่ต้องนั่งหลับอีกต่อไป ไม่ต้องตื่นมานั่งหอบกลางดึก สามารถนอนหลับตั้งแต่ 22.00 น.ไปตื่นตอนเวลา 08.00 น.ได้ทุกวันจนถึงปัจจุบัน
ที่สำคัญน้ำหนักตัวค่อยๆ ลดลงทุกเดือน จากที่เคยหนักกว่า 174 กิโลกรัม ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 137 กิโลกรัมเท่านั้น ใช้เวลาแค่ประมาณ 2 เดือน น้ำหนักตนลดลงมากถึง 40 กิโลกรัม และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง อาหารการกินก็กินเป็นปกติทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องอดอาหาร และที่สำคัญ ทั้งแม่และญาติ รวมทั้งเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันต่างดีใจแก่ตนเป็นอย่างมาก ที่ตนสามารถเดินได้ และยังสมารถมาช่วยแม่ขายของที่ร้านได้ตามปกติ
ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2556 ตนได้ไปพบหมอที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯเพื่อตรวจเช็กเกี่ยวกับสุขภาพ ผลการตรวจเช็กของหมอพบว่า ค่าเลือด ค่าไต ค่าตับ กลับมาเป็นปกติทุกอย่าง หมอที่ตรวจเช็กสุขภาพของตน ถามตนแบบงงๆ ว่าอาการของตนกลับมาดีขึ้นได้อย่างไร แต่ตนก็ตอบหมอไปว่า ตนควบคุมอาหาร เพราะหากบอกว่าตนกินยายาสมุนไพรของหมอเณร หากหมอรู้ความจริงตนกลัวว่าหมอจะสั่งให้หยุดกิน ตนจึงไม่บอกความจริงแก่หมอ ซึ่งประมาณกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้หมอที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้นัดให้ตนไปพบเพื่อตรวจหัวให้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนก็จะไปตามที่หมอนัดอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ตน และครอบครัวรวมทั้งญาติต่างมั่นใจว่า สาเหตุที่ตนไม่เสียชีวิตจากโรคหัวใจ มาจากการกินยาสมุนไพรหมอเณร อย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่เป็นเพราะปาฏิหาริย์ แต่เป็นเพราะยาสมุนไพรอย่างแท้จริง