“สิ่งที่ลดลงคือน้ำหนัก แต่สิ่งที่เพิ่มคือความภูมิใจ เพราะเอาชนะใครก็ไม่ยากเท่าชนะใจตัวเอง” การลดน้ำหนัก หนึ่งในบททดสอบที่ทุกคนทำได้ ขอแค่แรงบันดาลใจและไม่หยุดทำ! วันนี้ทีมงาน Feel Good นำเรื่องราวของหนุ่มสาวชาวพันทิปที่ลดน้ำหนักแล้วได้ดีมาเป็นพลังให้กับคุณ!!
“ท็อปหมี” หนุ่มซุปเปอร์บิ๊กไซส์ หัวใจไม่ยอมแพ้
“ท็อป” หรือฉายาที่เพื่อนๆ เรียกกัน “ท็อปหมี” ตามหุ่นบิ๊กไซส์ของเขา ด้วยส่วนสูง 181 เซนติเมตร และน้ำหนักตัวกว่า 150 กิโลกรัม!! น้ำหนักตัวที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ และมากจนน่าตกใจ อาจเป็นแรงผลักดันให้หลายคนหันมาลดน้ำหนัก แต่ไม่ใช่สำหรับชายคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับความอ้วนมาตั้งแต่เด็กอย่างท็อป “นั่นยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนความคิดหรอกครับ เพราะคิดว่าก็ยังไม่เห็นเป็นไร เราไม่ได้ป่วยอะไร แล้วเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็กๆ ม.3 ก็หนัก 100 กว่าแล้ว บวกกับชอบกินเป็นอย่างมากเลยคิดว่าตัวเองจะลดก็คงลดไม่ได้”
เขาเล่าว่าจุดเปลี่ยนที่ทำให้หันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจังคือเรื่องสุขภาพ เพราะตอนนั้นร่างกายของเขาเริ่มไม่ปกติอย่างเคย “ตอนที่เรียนปี 4 ใกล้จบร่างกายเริ่มไม่ปกติ เหนื่อยง่ายมากแบบที่ไม่เคยเป็น หัวใจเต้นผิดจังหวะแปลกๆ เต้นแรงบีบๆ เหมือนเหนื่อยทั้งที่ก็นอนดูหนังอยู่เฉยๆ ความดันสูงด้วย พอตรวจสุขภาพก็เริ่มเกินทุกอย่างทั้งไขมันน้ำตาล เลยเริ่มมีความคิดจริงจังที่อยากจะลดน้ำหนักเพราะไม่อยากป่วยจริงๆ”
ความกลัวกลายเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เขาลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งกลัวโรครุมเร้า และกลัวจะเป็นภาระให้กับคนที่เขารัก “เคยเห็นคนที่ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากความอ้วนแล้วทรมานมากเลยคิดว่าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น ยิ่งตอนนั้นเรียนจบแล้วกำลังจะเริ่มหางาน คิดว่าถ้าทำงานหาเงินมาสุดท้ายคงไม่พ้นต้องเอามารักษาตัวเป็นแน่ ดีไม่ดีต้องเดือดร้อนพ่อแม่พี่น้องอีก กลัวไม่เหลือเงินไว้ใช้ในสิ่งที่อยากจะทำจริงๆ”
ด้วยความตั้งใจจริงกว่า 2 ปี เขาออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันท็อปหมีกลายเป็นท็อปหุ่นดีไปเรียบร้อย ใครจะเชื่อว่าหนุ่มอ้วนที่เคยหนักถึง 150 กิโลกรัมมาก่อน จะกลายเป็นหนุ่มหุ่นนักกีฬาหนัก 87 กิโลกรัมได้ในวันนี้ 63 กิโลกรัมที่หายไป ไม่ใช่เพราะมนต์วิเศษแต่เพราะความทุ่มเททั้งนั้น หนุ่มน้ำหนักหลักร้อยอย่างท็อปทำได้ คุณเองก็ทำได้เช่นกัน!!
จากกระทู้“เชื่อผมเถอะ!!ครับคุณก็ทำได้ จากคนที่อ้วนมาตลอด20ปี เปลี่ยนตัวเองได้ด้วยเวลา2ปีกว่าๆ”
“มิสะ” สาวปุ๊กลุ๊กเปลี่ยนไป สวยใสออร่าจับ
น้ำหนัก 64 กิโลกรัม อาจฟังดูไม่มากสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับ “มิสะ” สาวร่างเล็กสูงเพียง 154-155 เซนติเมตรนั้น เป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเลย สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนี้เล่าว่าเป็นคนที่กินเก่งมากๆ เรียกว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่ “เราเป็นคนที่กินแบบว่าอลังการมาก กินบุฟเฟ่ กินเค้ก ขนม เวลาไปสั่งอาหารตามสั่ง จะต้องสั่งพิเศษ และต้องกินครบ 3 มื้อ!! ย้ำต้อง 3 มื้อ และต้องตามด้วยชานมไข่มุก ก็เลยทำให้น้ำหนักพุ่งไปถึง 64 กิโลเลยทีเดียว”
สาวๆ แม้จะรู้ตัวว่าหุ่นไม่ดียังไงก็คงไม่มีใครอยากโดนตอกย้ำหรือแซวให้ช้ำใจ มิสะเองก็เช่นกัน เธอเล่าว่าช่วงที่น้ำหนักขึ้นนั้นถึงขั้นใส่ชุดนักศึกษาเดิมไม่ได้จนต้องไปซื้อใหม่ แถมเพื่อนๆ ก็ล้อและตั้งฉายาให้มากมาย โดเรม่อนบ้าง น้องกลมบ้าง ทำเอาเธอแอบน้อยใจเหมือนกัน แต่ที่เจ็บที่สุดจนทำให้เธอต้องหันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจังนั้น เป็นเพราะโดนหักหน้าเรื่องความรัก “คือเพื่อนของแฟนมาบอกว่า เราไม่เหมาะกับแฟนเลย แฟนเราผอมแห้ง แต่เรานี่อ้วนกลมมาก แอบไปร้องไห้เลยแหละ แล้วก็มาพูดกับตัวเองว่า จะต้องผอมให้ได้!!”
ด้วยความพยายามอย่างสม่ำเสมอกว่า 2 ปี มิสะ สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นหน้าตาน่ารัก รูปร่างดีก็เผยโฉมให้เราได้เห็น การลดความอ้วนนั้นแม้ไม่ง่ายนักแต่เชื่อว่าทุกคนทำได้ เธอยืนยันว่า 17 กิโลกรัมที่หายไป ไม่ได้ใช้ยาลดความอ้วนใดๆ ทั้งสิ้น “ใจล้วนๆ” มิสะสาวสวยใจสู้ทิ้งท้าย
จากกระทู้ “17 กิโลกรัม !! ที่หายไป อะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนแปลง :))”
“ตั้ว” พลิกลุคนักดนตรีจ้ำม่ำ เป็นหนุ่มล่ำสุดหล่อ
“เฮ้ย เราก็แค่คนอวบมีเนื้อเท่านั้นแหละ ไม่อ้วนเท่าไรหรอก รอให้อ้วนกว่านี้ค่อยลดก็ได้” แม้จะหนักมากถึง 93 กิโลกรัม กับส่วนสูง 174 เซนติเมตร “ตั้ว” ก็ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองอ้วนมากมายนัก แม้เพื่อนจะล้อและแม่จะบ่นอย่างไรก็ไม่หวั่น จนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาทัก หลังจากที่เขาเล่นดนตรีเสร็จ
“น้องๆ น้องใช่มือแซกที่เล่นที่ร้านนั้นไหม พี่จำสำเนียงแซกของน้องได้ อ้วนๆ ตุ้ยนุ้ยๆ เป่าแซกอายุน้อยแบบนี้น่าจะมีไม่กี่คน” คำว่านักดนตรีอ้วนๆ มันสะกิดใจ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนเรียกแบบนั้น “เออ หรือเราจะอ้วนจริงๆ” พอมานั่งนึกดู จะซื้อเสื้อผ้าตามร้านทั่วๆ ไปก็หายากมากเพราะไซส์ใหญ่ๆ ไม่ค่อยจะมี จะซื้อแต่ละทีต้องไปตามห้างเพื่อหาไซส์บิ๊กเท่านั้น ความอึดอัดใจนี้ทำให้ตั้วตั้งใจว่าจะลดความอ้วน ต้องผอม จะใส่เสื้อผ้าตามท้องตลาดให้ได้!! จากนั้นชีวิตของตั้วก็เริ่มเปลี่ยนไป
จากหนุ่มจ้ำม่ำหนัก 93 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 3 ปี ตอนนี้เขากลายเป็นทหารหนุ่มและนักดนตรีสุดล่ำน้ำหนักอยู่ที่ 59 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตั้วได้ฝากเคล็ดลับง่ายๆ 3 ข้อให้คนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง “1.คิดแล้วลงมือทำทันที อย่าเดี๋ยว ลบคำว่าเดี๋ยวออกจากสมองไปซะ 2.วินัยต้องสูง เวลาเราจะทำอะไรควรมีวินัย แล้วสิ่งนั้นจะสำเร็จ และ 3.อย่าท้อแท้ หรือยอมแพ้ต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่เช่นนั้นคุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนขี้แพ้” เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่เราจะได้อยู่กับคนที่เรารัก และทำสิ่งที่รักไปอีกนานๆ
จากกระทู้ “จากคำว่า "ไออ้วน" จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจ”
“หมี่” สลัดคราบสาวตัวใหญ่ โดนใจสวยเป๊ะ
สาวๆ ที่อ้วนมาตั้งแต่เด็กคงเข้าใจหัวอก “หมี่” สาวน้อยที่ปุ๊กลุ๊กมาตั้งแต่สมัยป.4 กินแต่ละทีเรียกว่าจัดเต็มแบบไม่มีอั้น “กินตามใจปากสุดๆ ชอบกินบุฟเฟ่ต์มากค่ะ กินพวกเนื้อย่างติดมัน ข้าวมันไก่ เอาเป็นว่ากินทุกอย่างยกเว้นผักค่ะ แถมดื่มนมเป็นนํ้าเลย”
ด้วยความช่างกินของเธอ พอโตเป็นสาวก็เริ่มโดนเพื่อนผู้ชายล้อ เรียกเธอว่า“อ้วน”แทนชื่อเลย น่าเจ็บใจสุดๆ ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากอ้วนหรืออยากโดนล้อหรอก แต่ถึงแม้การโดนล้อจะทำให้เจ็บใจมากแค่ไหน ก็ยังไม่มากพอที่จะผลักดันให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่
ไม่นานจุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อความรักแบบเด็กๆ ทำเธอแอบเจ็บจี๊ดเบาๆ เมื่อคนที่ชอบพอกันหันไปชอบผู้หญิงอีกคน ซึ่งเธอคนนั้นผอมมาก ความเจ็บในครั้งนั้นจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอหันมาอยากสวยและรักตัวเองอย่างจริงจัง “เราก็น่าจะอยากผอมตั้งแต่ตอนนั้น แต่เราไม่ได้ทำเพื่อผู้ชายนะ เราทำเพื่อตัวเอง อยากดูดี คอยดูนะ จะสวยให้ดู!!”
จากนั้นหมี่ก็ลองผิดลองถูก จนมาลงตัวที่การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เกือบ 3 ปีที่ผ่านมาจากสาวตุ้ยนุ้ยน้ำหนัก 65 กิโลกรัม จึงกลายมาเป็นสาวสวยหุ่นนางแบบ 52 กิโลกรัมในที่สุด เรียกว่าสวยจนต้องเหลียวเลยทีเดียว
จากกระทู้ “เหตุเกิดมาจากคนเรียก"อีอ้วน" "ยัก!"”
การลดน้ำหนักอาจเป็นบททดสอบของใครหลายคน แน่นอนว่ามันไม่ง่าย ไม่มีทางลัด ระหว่างทางอาจต้องเจออุปสรรคและสิ่งยั่วยุที่ทำให้ไขว้เขว สำคัญที่ใจของเราจะมุ่งมั่นเพียงพอ และขาของเราจะยังก้าวเดินอย่างเข้มแข็งต่อไปหรือไม่ ตัวอย่างความสำเร็จของคนที่สู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่ายังมีให้เห็นอีกมากมาย และคุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้นได้เช่นกัน
“ท็อปหมี” หนุ่มซุปเปอร์บิ๊กไซส์ หัวใจไม่ยอมแพ้
“ท็อป” หรือฉายาที่เพื่อนๆ เรียกกัน “ท็อปหมี” ตามหุ่นบิ๊กไซส์ของเขา ด้วยส่วนสูง 181 เซนติเมตร และน้ำหนักตัวกว่า 150 กิโลกรัม!! น้ำหนักตัวที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ และมากจนน่าตกใจ อาจเป็นแรงผลักดันให้หลายคนหันมาลดน้ำหนัก แต่ไม่ใช่สำหรับชายคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับความอ้วนมาตั้งแต่เด็กอย่างท็อป “นั่นยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนความคิดหรอกครับ เพราะคิดว่าก็ยังไม่เห็นเป็นไร เราไม่ได้ป่วยอะไร แล้วเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็กๆ ม.3 ก็หนัก 100 กว่าแล้ว บวกกับชอบกินเป็นอย่างมากเลยคิดว่าตัวเองจะลดก็คงลดไม่ได้”
เขาเล่าว่าจุดเปลี่ยนที่ทำให้หันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจังคือเรื่องสุขภาพ เพราะตอนนั้นร่างกายของเขาเริ่มไม่ปกติอย่างเคย “ตอนที่เรียนปี 4 ใกล้จบร่างกายเริ่มไม่ปกติ เหนื่อยง่ายมากแบบที่ไม่เคยเป็น หัวใจเต้นผิดจังหวะแปลกๆ เต้นแรงบีบๆ เหมือนเหนื่อยทั้งที่ก็นอนดูหนังอยู่เฉยๆ ความดันสูงด้วย พอตรวจสุขภาพก็เริ่มเกินทุกอย่างทั้งไขมันน้ำตาล เลยเริ่มมีความคิดจริงจังที่อยากจะลดน้ำหนักเพราะไม่อยากป่วยจริงๆ”
ความกลัวกลายเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เขาลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งกลัวโรครุมเร้า และกลัวจะเป็นภาระให้กับคนที่เขารัก “เคยเห็นคนที่ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากความอ้วนแล้วทรมานมากเลยคิดว่าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น ยิ่งตอนนั้นเรียนจบแล้วกำลังจะเริ่มหางาน คิดว่าถ้าทำงานหาเงินมาสุดท้ายคงไม่พ้นต้องเอามารักษาตัวเป็นแน่ ดีไม่ดีต้องเดือดร้อนพ่อแม่พี่น้องอีก กลัวไม่เหลือเงินไว้ใช้ในสิ่งที่อยากจะทำจริงๆ”
ด้วยความตั้งใจจริงกว่า 2 ปี เขาออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันท็อปหมีกลายเป็นท็อปหุ่นดีไปเรียบร้อย ใครจะเชื่อว่าหนุ่มอ้วนที่เคยหนักถึง 150 กิโลกรัมมาก่อน จะกลายเป็นหนุ่มหุ่นนักกีฬาหนัก 87 กิโลกรัมได้ในวันนี้ 63 กิโลกรัมที่หายไป ไม่ใช่เพราะมนต์วิเศษแต่เพราะความทุ่มเททั้งนั้น หนุ่มน้ำหนักหลักร้อยอย่างท็อปทำได้ คุณเองก็ทำได้เช่นกัน!!
จากกระทู้“เชื่อผมเถอะ!!ครับคุณก็ทำได้ จากคนที่อ้วนมาตลอด20ปี เปลี่ยนตัวเองได้ด้วยเวลา2ปีกว่าๆ”
“มิสะ” สาวปุ๊กลุ๊กเปลี่ยนไป สวยใสออร่าจับ
น้ำหนัก 64 กิโลกรัม อาจฟังดูไม่มากสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับ “มิสะ” สาวร่างเล็กสูงเพียง 154-155 เซนติเมตรนั้น เป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเลย สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนี้เล่าว่าเป็นคนที่กินเก่งมากๆ เรียกว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่ “เราเป็นคนที่กินแบบว่าอลังการมาก กินบุฟเฟ่ กินเค้ก ขนม เวลาไปสั่งอาหารตามสั่ง จะต้องสั่งพิเศษ และต้องกินครบ 3 มื้อ!! ย้ำต้อง 3 มื้อ และต้องตามด้วยชานมไข่มุก ก็เลยทำให้น้ำหนักพุ่งไปถึง 64 กิโลเลยทีเดียว”
สาวๆ แม้จะรู้ตัวว่าหุ่นไม่ดียังไงก็คงไม่มีใครอยากโดนตอกย้ำหรือแซวให้ช้ำใจ มิสะเองก็เช่นกัน เธอเล่าว่าช่วงที่น้ำหนักขึ้นนั้นถึงขั้นใส่ชุดนักศึกษาเดิมไม่ได้จนต้องไปซื้อใหม่ แถมเพื่อนๆ ก็ล้อและตั้งฉายาให้มากมาย โดเรม่อนบ้าง น้องกลมบ้าง ทำเอาเธอแอบน้อยใจเหมือนกัน แต่ที่เจ็บที่สุดจนทำให้เธอต้องหันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจังนั้น เป็นเพราะโดนหักหน้าเรื่องความรัก “คือเพื่อนของแฟนมาบอกว่า เราไม่เหมาะกับแฟนเลย แฟนเราผอมแห้ง แต่เรานี่อ้วนกลมมาก แอบไปร้องไห้เลยแหละ แล้วก็มาพูดกับตัวเองว่า จะต้องผอมให้ได้!!”
ด้วยความพยายามอย่างสม่ำเสมอกว่า 2 ปี มิสะ สาวลูกครึ่งญี่ปุ่นหน้าตาน่ารัก รูปร่างดีก็เผยโฉมให้เราได้เห็น การลดความอ้วนนั้นแม้ไม่ง่ายนักแต่เชื่อว่าทุกคนทำได้ เธอยืนยันว่า 17 กิโลกรัมที่หายไป ไม่ได้ใช้ยาลดความอ้วนใดๆ ทั้งสิ้น “ใจล้วนๆ” มิสะสาวสวยใจสู้ทิ้งท้าย
จากกระทู้ “17 กิโลกรัม !! ที่หายไป อะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนแปลง :))”
“ตั้ว” พลิกลุคนักดนตรีจ้ำม่ำ เป็นหนุ่มล่ำสุดหล่อ
“เฮ้ย เราก็แค่คนอวบมีเนื้อเท่านั้นแหละ ไม่อ้วนเท่าไรหรอก รอให้อ้วนกว่านี้ค่อยลดก็ได้” แม้จะหนักมากถึง 93 กิโลกรัม กับส่วนสูง 174 เซนติเมตร “ตั้ว” ก็ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองอ้วนมากมายนัก แม้เพื่อนจะล้อและแม่จะบ่นอย่างไรก็ไม่หวั่น จนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาทัก หลังจากที่เขาเล่นดนตรีเสร็จ
“น้องๆ น้องใช่มือแซกที่เล่นที่ร้านนั้นไหม พี่จำสำเนียงแซกของน้องได้ อ้วนๆ ตุ้ยนุ้ยๆ เป่าแซกอายุน้อยแบบนี้น่าจะมีไม่กี่คน” คำว่านักดนตรีอ้วนๆ มันสะกิดใจ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนเรียกแบบนั้น “เออ หรือเราจะอ้วนจริงๆ” พอมานั่งนึกดู จะซื้อเสื้อผ้าตามร้านทั่วๆ ไปก็หายากมากเพราะไซส์ใหญ่ๆ ไม่ค่อยจะมี จะซื้อแต่ละทีต้องไปตามห้างเพื่อหาไซส์บิ๊กเท่านั้น ความอึดอัดใจนี้ทำให้ตั้วตั้งใจว่าจะลดความอ้วน ต้องผอม จะใส่เสื้อผ้าตามท้องตลาดให้ได้!! จากนั้นชีวิตของตั้วก็เริ่มเปลี่ยนไป
จากหนุ่มจ้ำม่ำหนัก 93 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 3 ปี ตอนนี้เขากลายเป็นทหารหนุ่มและนักดนตรีสุดล่ำน้ำหนักอยู่ที่ 59 กิโลกรัมเท่านั้น โดยตั้วได้ฝากเคล็ดลับง่ายๆ 3 ข้อให้คนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง “1.คิดแล้วลงมือทำทันที อย่าเดี๋ยว ลบคำว่าเดี๋ยวออกจากสมองไปซะ 2.วินัยต้องสูง เวลาเราจะทำอะไรควรมีวินัย แล้วสิ่งนั้นจะสำเร็จ และ 3.อย่าท้อแท้ หรือยอมแพ้ต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่เช่นนั้นคุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนขี้แพ้” เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่เราจะได้อยู่กับคนที่เรารัก และทำสิ่งที่รักไปอีกนานๆ
จากกระทู้ “จากคำว่า "ไออ้วน" จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจ”
“หมี่” สลัดคราบสาวตัวใหญ่ โดนใจสวยเป๊ะ
สาวๆ ที่อ้วนมาตั้งแต่เด็กคงเข้าใจหัวอก “หมี่” สาวน้อยที่ปุ๊กลุ๊กมาตั้งแต่สมัยป.4 กินแต่ละทีเรียกว่าจัดเต็มแบบไม่มีอั้น “กินตามใจปากสุดๆ ชอบกินบุฟเฟ่ต์มากค่ะ กินพวกเนื้อย่างติดมัน ข้าวมันไก่ เอาเป็นว่ากินทุกอย่างยกเว้นผักค่ะ แถมดื่มนมเป็นนํ้าเลย”
ด้วยความช่างกินของเธอ พอโตเป็นสาวก็เริ่มโดนเพื่อนผู้ชายล้อ เรียกเธอว่า“อ้วน”แทนชื่อเลย น่าเจ็บใจสุดๆ ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากอ้วนหรืออยากโดนล้อหรอก แต่ถึงแม้การโดนล้อจะทำให้เจ็บใจมากแค่ไหน ก็ยังไม่มากพอที่จะผลักดันให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่
ไม่นานจุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อความรักแบบเด็กๆ ทำเธอแอบเจ็บจี๊ดเบาๆ เมื่อคนที่ชอบพอกันหันไปชอบผู้หญิงอีกคน ซึ่งเธอคนนั้นผอมมาก ความเจ็บในครั้งนั้นจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอหันมาอยากสวยและรักตัวเองอย่างจริงจัง “เราก็น่าจะอยากผอมตั้งแต่ตอนนั้น แต่เราไม่ได้ทำเพื่อผู้ชายนะ เราทำเพื่อตัวเอง อยากดูดี คอยดูนะ จะสวยให้ดู!!”
จากนั้นหมี่ก็ลองผิดลองถูก จนมาลงตัวที่การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เกือบ 3 ปีที่ผ่านมาจากสาวตุ้ยนุ้ยน้ำหนัก 65 กิโลกรัม จึงกลายมาเป็นสาวสวยหุ่นนางแบบ 52 กิโลกรัมในที่สุด เรียกว่าสวยจนต้องเหลียวเลยทีเดียว
จากกระทู้ “เหตุเกิดมาจากคนเรียก"อีอ้วน" "ยัก!"”
การลดน้ำหนักอาจเป็นบททดสอบของใครหลายคน แน่นอนว่ามันไม่ง่าย ไม่มีทางลัด ระหว่างทางอาจต้องเจออุปสรรคและสิ่งยั่วยุที่ทำให้ไขว้เขว สำคัญที่ใจของเราจะมุ่งมั่นเพียงพอ และขาของเราจะยังก้าวเดินอย่างเข้มแข็งต่อไปหรือไม่ ตัวอย่างความสำเร็จของคนที่สู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่ายังมีให้เห็นอีกมากมาย และคุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้นได้เช่นกัน