ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - กองทัพภาคที่ 3 ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซักซ้อมแผนควบคุมและมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า ชี้สถานการณ์ปีนี้มีแนวโน้มรุนแรงตามภัยแล้งที่มาเร็วและส่อยาวนาน จัดกำลังทหารชุดปฏิบัติการ ทั้งรณรงค์งดเผาและดับไฟ เตรียมประสาน “พม่า-ลาว” ขอความร่วมมือป้องกันแก้
วันนี้ (13 ม.ค.) พลโท เกษม ธนาภรณ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 และผู้บัญชาการกองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการประชุมแถลงแผนการควบคุมไฟป่าและหมอกควัน ประจำปี 2558 ของกองทัพภาคที่ 3 และจัดกิจกรรมรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 โดยการซักซ้อมดับไฟป่าและการปล่อยขบวนรถที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ที่กองพันพัฒนาที่ 3 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
พลโท เกษมกล่าวว่า ไฟป่าและหมอกควันเป็นปัญหาที่สำคัญในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนซึ่งส่งผลกระทบหลายด้าน ทั้งต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การดำรงชีวิต และสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเบื้องต้นคาดว่าสถานการณ์ปัญหาในปีนี้มีแนวโน้มที่จะรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมาตามสถานการณ์ภัยแล้งที่มีแนวโน้มจะยาวนาน จึงมีความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันทำงาน ด้วยการมีมาตรการควบคุม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหารุนแรง
สำหรับนโยบายและแนวทางเกี่ยวกับการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในส่วนของกองทัพภาคที่ 3 ได้มีการจัดตั้งกองบัญชาการเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 ค่ายพระปิ่นเกล้า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออำนวยการควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2557-30 เมษายน 2558
โดยได้จัดชุดปฏิบัติการออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดปฏิบัติการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ 14 ชุดปฏิบัติการ ดำเนินการรณรงค์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย และชุดปฏิบัติการควบคุมไฟป่า จำนวน 100 ชุดปฏิบัติการเตรียมความพร้อมยังที่ตั้งเพื่อสนับสนุนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เมื่อเกิดสถานการณ์ไฟป่าในขั้นวิกฤต รวมถึงเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เมื่อได้รับการร้องขอให้ทันท่วงที
ส่วนกรณีปัญหาหมอกควัน ไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของไทยด้วยนั้น พลโท เกษมกล่าวว่า เบื้องต้นมีการประสานขอความร่วมมือผ่านทางคณะกรรมการร่วมชายแดน ทั้งด้านพม่า และลาว เพื่อขอความร่วมมือให้ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศช่วยเหลือในการควบคุมดูแลในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือตอนบนทั้ง 9 จังหวัด ยังได้มีการเน้นย้ำทุกส่วนราชการให้เข้มงวดในการควบคุมการเผาทุกชนิด พร้อมทั้งขอประชาชนให้ความร่วมมือด้วย โดยเฉพาะในช่วง 60 วัน ระหว่าง 15 ก.พ.-15 เม.ย. 58 ที่จะห้ามการเผาทุกชนิด หากพบว่ามีการฝ่าฝืนจะนำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ลงโทษอย่างเด็ดขาดด้วย