พระนครศรีอยุธยา - ตำรวจจราจรพระนครศรีอยุธยา เพิ่มช่องทางพิเศษบริการประชาชน หลังพบ ประชาชนยังคงทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เส้นทางมุ่งสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือติดขัด ด้าน ตร.ชัยนาท แจ้งประชาชนฝากบ้านไว้กับตำรวจเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน ในช่วงปีใหม่นี้
วันนี้ (31 ธ.ค.) พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วันนี้ (31 ธ.ค.57) เป็นวันส่งท้ายปีเก่าทำให้มีประชาชนยังคงเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยใช้เส้นทางผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มุ่งสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยภาคเหนือพบว่า การจราจรคล่องตัว รถสามารถวิ่งได้สะดวก เนื่องจากประชาชนสามารถเลือกใช้ถนนได้หลายเส้นทาง เช่น ถนนสายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี สายปทุมธานี-บางปะหัน และถนนทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย
แต่ในส่วนของเส้นทางมุ่งสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับมีปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะในส่วนของถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเส้นทางเดียวที่ประชาชนใช้เดินทางไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่ามีปริมาณรถสะสมอยู่จำนวนมาก รถสามารถเคลื่อนตัวได้ช้าสลับกับหยุดนิ่ง
ทั้งนี้ จึงสั่งการให้แก้ไข โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เปิดเส้นทางจราจรพิเศษบริเวณถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 51 และ 54 ไปจนถึงเขตพื้นที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อเร่งระบายรถให้เดินทางได้เร็วขึ้น
**ตร.ชัยนาท แจ้ง ปชช.ฝากบ้านไว้กับตำรวจ
ด้าน พ.ต.อ.อุกฤษ ภู่กลั่น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยนาท เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปฉลองเทศกาลปีใหม่ บ้านเรือนอาจถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ดูแล เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม งานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยนาท จึงจัดโครงการฝากบ้านไว้กับไว้กับตำรวจ และโครงการเพื่อบ้านเตือนภัยตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง ดังนี้ ระมัดระวังการหลอกลวงเอาทรัพย์ หรือประทุษร้ายในช่วงเจ้าของบ้านไม่อยู่ หรือมีเด็ก ผู้สูงอายุอยู่เพียงลำพัง โดยกลุ่มมิจฉาชีพใช้วิธีแอบอ้างในรูปแบบต่างๆ ระมัดระวังอัคคีภัย เช่น การจุดธูปเทียนบูชา การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือแก๊สหุงต้ม
เมื่อออกจากบ้านควรตรวจตราให้เรียบร้อย ไม่ควรประดับสิ่งของมีค่าไปสถานที่จัดงานต่างๆ ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยบุตรหลานไปเที่ยวโดยลำพัง เดินทางโดยปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เมาไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ สวมหมวกนิรภัย และหากประสงค์ฝากบ้านไว้กับตำรวจ แจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 5642 1354 เพื่อจัดสายตรวจเพิ่มความถี่ตรวจบริเวณที่ได้รับแจ้ง เพื่อป้องกันเหตุต่อไป
วันนี้ (31 ธ.ค.) พ.ต.อ.สมบัติ ชูชัยยะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วันนี้ (31 ธ.ค.57) เป็นวันส่งท้ายปีเก่าทำให้มีประชาชนยังคงเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยใช้เส้นทางผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มุ่งสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยภาคเหนือพบว่า การจราจรคล่องตัว รถสามารถวิ่งได้สะดวก เนื่องจากประชาชนสามารถเลือกใช้ถนนได้หลายเส้นทาง เช่น ถนนสายตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี สายปทุมธานี-บางปะหัน และถนนทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย
แต่ในส่วนของเส้นทางมุ่งสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับมีปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะในส่วนของถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นเส้นทางหลักเส้นทางเดียวที่ประชาชนใช้เดินทางไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่ามีปริมาณรถสะสมอยู่จำนวนมาก รถสามารถเคลื่อนตัวได้ช้าสลับกับหยุดนิ่ง
ทั้งนี้ จึงสั่งการให้แก้ไข โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เปิดเส้นทางจราจรพิเศษบริเวณถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 51 และ 54 ไปจนถึงเขตพื้นที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อเร่งระบายรถให้เดินทางได้เร็วขึ้น
**ตร.ชัยนาท แจ้ง ปชช.ฝากบ้านไว้กับตำรวจ
ด้าน พ.ต.อ.อุกฤษ ภู่กลั่น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยนาท เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปฉลองเทศกาลปีใหม่ บ้านเรือนอาจถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ดูแล เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม งานป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยนาท จึงจัดโครงการฝากบ้านไว้กับไว้กับตำรวจ และโครงการเพื่อบ้านเตือนภัยตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง ดังนี้ ระมัดระวังการหลอกลวงเอาทรัพย์ หรือประทุษร้ายในช่วงเจ้าของบ้านไม่อยู่ หรือมีเด็ก ผู้สูงอายุอยู่เพียงลำพัง โดยกลุ่มมิจฉาชีพใช้วิธีแอบอ้างในรูปแบบต่างๆ ระมัดระวังอัคคีภัย เช่น การจุดธูปเทียนบูชา การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือแก๊สหุงต้ม
เมื่อออกจากบ้านควรตรวจตราให้เรียบร้อย ไม่ควรประดับสิ่งของมีค่าไปสถานที่จัดงานต่างๆ ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยบุตรหลานไปเที่ยวโดยลำพัง เดินทางโดยปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เมาไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ สวมหมวกนิรภัย และหากประสงค์ฝากบ้านไว้กับตำรวจ แจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 5642 1354 เพื่อจัดสายตรวจเพิ่มความถี่ตรวจบริเวณที่ได้รับแจ้ง เพื่อป้องกันเหตุต่อไป