ฉะเชิงเทรา - ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา สั่งประหารชีวิตข้าราชการระดับ 8 กระทรวงอุตสาหกรรม กรณีจ้างวานฆ่าแกนนำต่อต้านบ่อขยะพิษหนองแหน ขณะ 2 มือปืนถูกสั่งจำคุกตลอดชีวิต ด้านญาติเตรียมปรึกษาทีมทนายความขอยื่นอุทธรณ์ หวังให้ทีมสังหารได้รับกรรมตายตกไปตามกัน
วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้อ่านคำพิพากษาในคดีลอบฆ่าแกนนำชาวบ้านที่ออกมาต่อต้านการลักลอบทิ้งกากสารเคมีอุตสาหกรรมและขยะมีพิษ ในเขตพื้นที่ ต.หนองแหน และตำบลใกล้เคียงจำนวนหลายจุดในเขต อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ตามคดีหมายเลขดำที่ 3742/2556 โดยมีพนักงานอัยการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นโจทก์ในการยื่นฟ้อง ภายในห้องพิจารณาคดีที่ 10
หลังการพิจารณาคดี นายจร เนาวโอภาส อายุ 46 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) หนองแหน พี่ชายนายประจบ เนาวโอภาส อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.14 ที่ถูกลอบสังหาร ได้กล่าวเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ในการตัดสินคดีครั้งนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาพร้อมสำนวนคดีประกอบการพิจารณาโดยละเอียดเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง (ตั้งแต่ 09.40-10.48 น.) ก่อนมีคำสั่งตัดสินลงโทษคดีให้ประหารชีวิต นายภูธร กวีพันธ์ เจ้าหน้าที่สำนักจัดการน้ำ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และเป็นเจ้าของบริษัท ฟิวชั่น ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด จากข้อหา “เป็นคนใช้ จ้างวานฆ่า และร่วมกันฆ่าผู้อื่น” หลังจากผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด
ส่วน พันจ่าอากาศเอกยุทธนัย นาแจ้ง และพันจ่าอากาศเอกอนุ บุญเพ็ง สองมือปืนที่ร่วมกันลงมือก่อเหตุสังหารผู้ใหญ่จบนั้น ศาลได้ตัดสินให้พันจ่าอากาศเอกอนุ ซึ่งเป็นมือสังหาร และให้การยอมรับสารภาพในข้อกล่าวหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืนยิงโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง พาอาวุธปืนติดตัวไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” มาตั้งแต่ต้น ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
สำหรับพันจ่าอากาศเอกยุทธนัย ซึ่งเป็นคนขับรถให้มือสังหารลงมือก่อเหตุนั้น ศาลเห็นว่าคำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แม้จะให้การปฏิเสธต่อข้อกล่าวหามาโดยตลอด จึงได้ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คือ ให้จำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน
ในระหว่างการรับฟังการตัดสินคดีนั้น จำเลยทั้ง 3 คนไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้าน หรือหวาดกลัวต่อคำตัดสินคดี โดยมีแต่ท่าทีเรียบเฉย เมื่อได้รับฟังการตัดสินคดีแล้ว ส่วนตนเองพร้อมครอบครัวนั้นได้เตรียมที่จะขอยื่นอุทธรณ์ต่อผลการตัดสินในจำเลยที่ 2 คือ พันจ่าอากาศเอกยุทธนัย ที่ยังไม่ได้สำนึกในความผิดที่ได้กระทำต่อน้องชายจนถึงแก่ความตาย และได้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ทั้งที่เป็นคนรับงาน และวางแผน ตลอดจนเป็นผู้เตรียมการในการลงมือสังหารน้องชายของตนจนเสียชีวิต ซึ่งหลังจากนี้จะได้เตรียมที่จะปรึกษาทีมทนายในการขอยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป
ขณะเดียวกัน หลังชาวบ้านจำนวนกว่า 100 คน ได้ทราบถึงผลการตัดสินคดี ต่างแสดงความพึงพอใจ และได้พร้อมใจพากันเดินเท้าออกจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองฉะเชิงเทรา ยังที่วัดโสธรวราราม วรวิหาร ระยะทางประมาณ 1.5 กม. เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อให้ชาวบ้านชาวตำบลหนองแหนได้กลับมาอยู่กันอย่างสงบสุขต่อไปอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีการลอบสังหาร นายประจบ เนาวโอภาส อายุ 41 ปี (ในขณะนั้น) อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.14 ต.หนองแหน ผู้ใหญ่นักสู้ที่ออกมายืนหยัดอยู่แถวหน้า เป็นแกนนำชาวบ้านในการต่อสู้กับกลุ่มทุน บริษัทรับกำจัดขยะ และกากสารเคมีอุตสาหกรรมหลายราย ที่พากันเข้ามาก่อตั้งโรงบำบัดกากของเสียรวมทั้งสารเคมี และรับทิ้งเศษขยะจากภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนยังมีการแอบลักลอบนำเอากากอุตสาหกรรม และเศษขยะเหล่านี้ไปทิ้งยังในที่ดินสาธารณะ และพื้นที่รกร้างว่างเปล่า รวมทั้งที่ดินของชาวบ้านด้วย โดยเฉพาะบ่อลูกรังเก่ารกร้าง
ปัญหาที่เกิดขึ้นชาวบ้านได้มีการเคลื่อนไหวชุมนุมต่อสู้ของชาวบ้าน ต่อต้านอย่างเนื่องเป็นเวลานานหลายปี เริ่มจากการรวมตัวชุมนุมเคลื่อนไหวครั้งแรก หลังจาก บริษัท ฟิวชั่น ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้นำกากสารเคมีปนเปื้อนคราบน้ำมันใช้แล้วล้นออกมาจากภายในโรงบำบัดในขณะที่ฝนตกหนัก และไหลลงสู่ลำคลองแหล่งน้ำสาธารณะ ตลอดจนที่ดินแปลงนาปลูกข้าวของชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง เมื่อช่วงปี 2550
เมื่อกลางปี 2555 ชาวบ้านได้ทำการปิดล้อมรถบรรทุกสารเคมีที่นำกากอุตสาหกรรมจากโรงงานผลิตโคล่า แห่งหนึ่ง (บ.อาเจไทย จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี) ที่แอบลักลอบขนเอาน้ำเสียปนเปื้อนนำมาทิ้งลงในบ่อลูกรังร้าง และส่งกลิ่นเหม็นเน่าจนรบกวนชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบข้างออกไปไกลหลายกิโลเมตร
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นชาวบ้านมีการเคลื่อนไหวกันครั้งใหญ่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยังได้มีการเดินสายร้องเรียนความเดือดร้อนไปถึงยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และองค์กรต่างๆ จนมีหลายบริษัทที่กระทำการดังกล่าวต้องถูกระงับการดำเนินกิจการ รวมถึงยังมีการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกันอีกหลายคดีเกิดขึ้น และบางรายนั้นได้รับผลกระทบจากการที่ต้องมีส่วนในการที่ต้องรับผิดชอบในการบำบัดฟื้นฟูพื้นที่อีกด้วย
จนกระทั่งในวันที่ 25 ก.พ.56 นายประจบ ได้ถูกคนร้ายบุกเข้ามาใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. จ่อยิง ที่บริเวณอู่ซ่อมรถ ด้านหลังตลาดศูนย์การค้าศิริพนม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ขณะนำเอารถยนต์กระบะ 4 ประตูส่วนตัวเข้าไปซ่อมช่วงล่าง และเสียชีวิตลงขณะกำลังนำตัวส่ง รพ.พนมสารคาม และได้มีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในเวลาต่อมาในที่สุด เมื่อวันที่ 12 เม.ย.56 โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติในขณะนั้น ได้เป็นผู้แถลงข่าวถึงผลการจับกุมด้วยตนเอง จนมาสู่กระบวนการพิจารณา และตัดสินคดีของศาลจังหวัดฉะเชิงเทราในวันนี้