อุดรธานี - แม่วอนสังคมช่วยเหลือค่ารักษาลูกชายป่วยมะเร็งกล้ามเนื้อ เผยทางบ้านยากจน ที่ผ่านมาต้องขายที่นา 10 ไร่ ได้เงินมา 3 แสนบาทใช้จ่ายค่ารักษาลูกจนเงินหมดก็ยังไม่หายจากโรค ทุกวันนี้ไม่มีแม้แต่ค่ารถเดินทางไปพบหมอ
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายอรรจฐานิศ ปัญญาพิชัยยุธท ผู้ประสานงานผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคาระห์ฯ ว่า ที่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 7 บ้านหนองแซงสร้อย ต.น้ำพ่น อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี มีเด็กหญิงป่วยเป็นโรคมะเร็งกล้ามเนื้อและมีฐานะยากจน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง พบนางจำปาทอง ดวงสุทา อายุ 44 ปี กับ ด.ญ.ภัททิยา ดวงสุทา หรือน้องบรีส อายุ 11 ปี และ ด.ช.ชัยภัทร ดวงสุทา อายุ 3 ขวบ อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว
นางจำปาทองเปิดเผยว่า ตนได้แต่งงานอยู่กินกับนายทองวัน ดวงสุทา อายุ 47 ปี มีอาชีพรับจ้างตัดอ้อย มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ด.ญ.ภัททิยา และ ด.ช.ชัยภัทร เมื่อปี 2550 ในตอนนั้น น้องบรีส อายุ 3 ขวบ ตนได้นำลูกเข้าไปฝากเลี้ยงที่ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนบ้านหนองแสงสร้อย เย็นวันเดียวกันหลังจากไปรับกลับบ้านสังเกตพบว่าที่ขาซ้ายของลูกมีรอยเขียวช้ำและบวม จึงได้สอบถามได้ความว่าลูกวิ่งเล่นและชนกับโต๊ะ เวลาผ่านไปไม่นานอาการบวมก็ไม่หาย
จึงได้พาไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลหนองวัวซอ โดยหมอได้แนะนำให้พาไปที่โรงโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ซึ่งหมอวินิจฉัย เป็นมะเร็งที่กล้ามเนื้อ จึงได้ทำการผ่าตัดก่อนเนื้อร้ายออกและทำการรักษาด้วยคีโมฉายแสง ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เป็นระยะเวลา 2 ปี ทำให้น้องบรีสอาการดีขึ้น กระทั่งน้องบรีสอายุได้ 5 ขวบได้สังเกตพบว่าขาด้านซ้ายเริ่มลีบเล็กผิดปกติ จึงได้ไปปรึกษาหมอ ก็ให้คำแนะนำ ทำกายภาพบำบัด แต่ก็ไม่ดีขึ้นมาเลย
นางจำปาทองเล่าต่อว่า เมื่อต้นปี 2557 น้องบรีสมีอาการปวดฟันแก้มซ้ายปูดบวมเท่าลูกมะนาว ตนเลยพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลหนองวัวซอ ซึ่งหมอบอกว่าฟันแท้กำลังจะขึ้นมาก็เลยให้ยาแก้ปวดและแก้อักเสบมารับประทาน จากนั้นผ่านไป 1 สัปดาห์แก้มด้านซ้ายของน้องบรีสปูดบวมใหญ่กว่าเดิม ตนเลยพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลหนองวัวซออีกครั้ง ซึ่งหมอได้ตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อ จึงแนะนำให้ไปที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ซึ่งหมอได้แนะนำให้รักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น
จากการตรวจรักษาหมอได้ตัดชิ้นเนื้อที่แก้มไปทำการวินิจฉัย ซึ่งผลออกมาสรุปว่าเป็นมะเร็ง แพทย์จึงได้ทำการรักษาด้วยคีโมบำบัด โดยตลอดระยะเวลาการรักษาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2557 อาการไม่ดีขึ้น ต้องขายที่นาไปจนหมด 10 ไร่ ได้เงินมา 3 แสนบาท เอามาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาหมอ ค่ายา และค่าอาหาร จนเงินหมด ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่มีเงินค่ารถจะพาลูกไปหาหมออีก ต้องอาศัยซื้อยาสมุนไพรมาให้ลูกกิน ซึ่งก็ช่วยบรรเทาเวลาน้องบรีสปวดที่แก้ม
ทุกวันนี้ตนและสามีเครียดกันมาก กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ สงสารลูกมาก ฐานะก็ยากจน ตนก็ไม่สามารถออกไปรับจ้างตัดอ้อยหารายได้ช่วยสามีได้ เพราะต้องคอยดูแลน้องบรีสอยู่ที่บ้าน และน้องบรีสก็ไม่สามารถไปโรงเรียน เรียนหนังสือได้เหมือนเด็กคนอื่น ได้แต่เอาหนังสือมาฝึกอ่านฝึกเขียนอยู่ที่บ้านแทน
ก่อนหน้านี้ทาง อบต.น้ำพ่นได้เข้ามาช่วยเหลือเพียง 1 ครั้ง มอบเงินให้จำนวน 1,700 บาท แต่ก็ไม่สามารถจ่ายเงินเบี้ยคนพิการให้ได้ เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์คนพิการ จึงอยากขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญช่วยเหลือค่าใช้จ่ายรักษาน้องบริสให้หายจากโรค เห็นลูกเจ็บปวดแล้วก็ทรมานใจมาก