เชียงราย - ชาวไร่ยาสูบเชียงราย-พะเยา ขึ้นป้ายต้านร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบ ชี้บ่อนทำลายวิถีชีวิตชาวไร่ ผู้เกี่ยวข้องทั้งต้นน้ำ ปลายน้ำอย่างสิ้นเชิง
วันนี้ (20 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีกลุ่มคนนำป้ายต่อต้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมการบริโภคยาสูบ ที่มีภาพพื้นหลังเป็นไร่ยาสูบ และเกษตรกรกำลังเก็บผลผลิต พร้อมข้อความ “ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวกระทบต่อทั้งปลายน้ำ และต้นน้ำทำลายวิถีชีวิตชาวไร่ จึงคัดค้านร่าง พ.ร.บ.” ลงนามกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ยาสูบบ่มเองเชียงราย สมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาไทย (สยท.) และสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบเชียงราย-พะเยา มาติดตั้งไว้ด้านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ต.บ้่านดู่ อ.เมือง
นายสุรศักดิ์ สิงหเสนี อดีตนายกสมาคมผู้บ่มใบยาสูบ เชียงราย-พะเยา กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นี้ ไม่ให้นำออกมาบังคับใช้ เพราะเนื้อหากระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตยาสูบไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ชาวไร่ ผู้ประกอบการผลิตยาสูบ รวมไปถึงผู้มีอาชีพที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ค้า ผู้จำหน่าย ฯลฯ เพราะจะมีข้อกีดกันบุหรี่ไทยมากมาย แต่ใบยาสูบ และบุหรี่ที่มาจากต่างประเทศที่มีราคาถูก และไม่ได้ถูกควบคุมสารพิษ เช่น จาก สป.ลาว เวียดนาม จะทะลักเข้ามาแข่งขันในตลาดบุหรี่ของไทยได้มากขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ก็อาจจะมีการนำบุหรี่เข้ามาตามเขตผ่อนปรนเศษ จุดผ่านแดนถาวร เขตเศรษฐกิจพิเศษ และอาจทำให้เกิดปัญหาบุหรี่เถื่อนทะลักเข้ามาอีกได้
นายสุรศักดิ์ บอกว่า ตอนนี้หลายจังหวัดได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นี้เช่นเดียวกัน แม้แต่ละจังหวัดจะผลิตใบยาสูบไม่เหมือนกัน เช่น บางจังหวัดผลิตพันธุ์เบอร์เลย์ แต่ของภาคเหนือตอนบนเน้นปลูกพันธุ์เวอร์จิเนียร์ แต่ทั้งหมดเมื่อรวมกันทั้ง จ.เชียงราย และพะเยา แล้วมีเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 100,000 ครอบครัว ที่จะได้รับผลกระทบร่วมกัน ไม่รวมลูกหลาน แรงงาน ผู้เกี่ยวข้องที่เป็นอาชีพร่วม
“ขณะนี้รัฐบาลไม่ให้ปลูกข้าวนาปรัง เราจึงหันมาปลูกใบยาสูบ แต่ถ้าใบยาสูบถูกทำลายอีกทั้งๆ ที่ระบบการปลูกดีกว่าพืชอื่นๆ ทั้งหมด ก็จะได้รับผลกระทบไปในที่สุด ลักษณะเหมือนกีดกันสินค้าภายในประเทศ แต่เอื้อให้สินค้าต่างประเทศ”
ทั้งนี้ ปัจจุบันในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีพื้นที่ปลูกใบยาสูบรวมกัน จำนวน 67,977 ไร่ มีเกษตรกรผู้ปลูกกว่า 15,500 คน แรงงาน 124,000 คน
สำหรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรวงสาธารณสุข ได้พยายามผลักดันให้มีการนำบังคับใช้มานานหลายปีแล้ว ซึ่งมีเนื้อหาที่ชาวไร่ยาสูบมองว่า จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกร และผู้ลิต เช่น กำหนดให้มีการทำบุหรี่ซองเรียบโดยมีขนาด สี รูปภาพ ตัวหนังสือ ฯลฯ เหมือนกันหมด งดการสนับสนุนเงินทุน ห้ามโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ให้โควตารับซื้อกับเกษตรกร และโรงบ่ม จำกัดเวลาฤดูกาลการปลูก ไม่ให้เกษตรกร ผู้บ่ม ติดต่อกับหน่วยราชการ ห้ามผู้เกี่ยวข้องกับกิจการยาสูบเผยแพร่กิจกรรมทางสังคม กำหนดส่วนประกอบยาสูบ กำหนดซองบุหรี่รุ่นใหม่จะเหมือนกันหมดทุกยี่ห้อทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการทำเลียนแบบประเทศออสเตรเลีย มีการให้แจ้งรายงานประจำปี กำหนดให้ตั้งคณะกรรมการยาสูบแต่ไม่มีตัวแทนเกษตรกร เป็นต้น
