“กาฬสินธุ์” เปิดมหกรรมรวมพลคนพอเพียง เทิดไท้องค์ราชัน

กาฬสินธุ์ - จังหวัดเปิดงานมหกรรมรวมพลคนพอเพียง เทิดไท้องค์ราชัน 87 พรรษา พร้อมประกาศขับเคลื่อน 5 วาระจังหวัด เดินหน้าโครงการกาฬสินธุ์คนดี สุขภาพดี รายได้ดี เน้นปลูกฝังประชาชนยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายภุชงค์ โพธิกุฎสัย ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายแพทย์ พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์กว่า 2,000 คน ร่วมกันจัดกิจกรรมงานมหกรรมรวมพลคนพอเพียง เทิดไท้องค์ราชัน 87 พรรษา ตามโครงการกาฬสินธุ์คนดี สุขภาพดี รายได้ดี

พร้อมร่วมกันประกาศวาระจังหวัด และเดินหน้าขับเคลื่อนร่วมกันของทุกภาคส่วน 5 เรื่อง ประกอบด้วย 1. การรวมพลังขับเคลื่อนโครงการกาฬสินธุ์คนดี สุขภาพดี รายได้ดี 2. ทุกพื้นที่ปลอดเหล้าในงานศพ และงานบวช บุญกฐิน 3. เป็นหมู่บ้านรักษาศีล 5 และเกื้อกูลกันด้วยถนนสายบุญ 4. ทุกชุมชนผลิตอาหารปลอดภัย ลดใช้สารเคมี มุ่งสู่เมืองเกษตรอินทรีย์ และ 5. ร่วมสร้างภาพลักษณ์เมืองแห่งการท่องเที่ยววิถีไทยอีสาน

โดยกิจกรรมในงานยังมีการตั้งบูทนิทรรศการเสนอผลงานเด่นของแต่ละอำเภอรวม 18 แห่ง การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์โอทอป และบูทชมรมปราชญ์กาฬสินธุ์ 3 ดี ซึ่งมีการจัดแสดงจำลอง 1 ไร่ 1 แสน เพื่อประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตแบบพอเพียง และการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร พืช ผัก ผลไม้ปลอดสารพิษ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ พืชสมุนไพร และข้าวเกษตรอินทรีย์

นายภุชงค์ โพธิกุฎสัย ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดดำเนินงานตามโครงการกาฬสินธุ์คนดี สุขภาพดี รายได้ดี มาตั้งแต่ปี 2555 เพื่อเป็นการบำบัดทุกข์บำรุงสุข ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยผลงานที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ด้านคนดี มีการประกาศเป็นอำเภอ ตำบล ชุมชน ปลอดเหล้าในงานศพ งานบุญ ด้านสุขภาพดี สามารถแก้ไขปัญหาสารเคมีตกค้างในเกษตรกร ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในวัยรุ่น การใช้สมุนไพรผักพื้นบ้านเพื่อดูแลสุขภาพ

การสนับสนุนให้มีสุขศาลากาฬสินธุ์ในทุกหมู่บ้าน ชุมชน และด้านรายได้ดี ประชาชนได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต สามารถลดรายจ่ายต้นทุนการผลิต เกิดการรวมกลุ่มเครือข่ายการผลิต วิสาหกิจชุมชน มีตำบลที่เป็นต้นแบบสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ในระดับจังหวัดและระดับประเทศหลายแห่ง

สำหรับปี 2558 จังหวัดจะยังคงดำเนินงานตามโครงการต่อเนื่องเต็มพื้นที่ โดยทำงานเชิงบูรณาการยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อมุ่งสู่เมืองแห่งความสุขต่อไป