“เมืองพัทยา” ถกเครียดสร้างอุโมงค์ข้ามแยกพัทยากลาง

ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยา ร่วมกรมทางหลวงชนบท และหน่วยงานด้านระบบสาธารณูปโภค ถกเครียดเตรียมพร้อมรองรับการก่อสร้างอุโมงค์ข้ามแยกพัทยากลาง หลังพบแนวขุดเจาะอุโมงค์ส่งผลกระทบแนววางสาย และระบบท่อหลายโครงการ

วันนี้ (4 ธ.ค.) นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นประธานการประชุมร่วมกับตัวแทนจากกรมทางหลวงชนบท องค์กรด้านสาธารณูปโภค เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค แคทเทเลคอม ทีทีแอนด์ที ทีโอที และระบบการสื่อสารในภาคต่างๆ เพื่อร่วมหารือแนวทางการเตรียมความพร้อมรองรับการก่อสร้างในโครงการอุโมง ค์หรือทางลอดแยกพัทยากลาง เนื่องจากโครงการดังกล่าวจะมีการขุดเจาะหน้าดินเพื่อจัดทำอุโมงค์ทางลอดสำหรับยานยนต์ที่จะตัดข้ามแยกพัทยากลางจากฝั่งทิศเหนือไปยังทิศใต้ ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคใต้ดินในบริเวณดังกล่าวได้

ด้านตัวแทนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระบุว่า ปัจจุบันการไฟฟ้าวางท่อส่งกระแสไฟฟ้าจากสถานีไฟฟ้าย่อยภายในซอยสยามคันทรี คลับ ขนาด 22 กิโลวัตต์ 3 วงจร ผ่านแนวท่อลอดใต้ดินในระดับความลึก 3 เมตร จากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งเมืองพัทยา ช่วงบริเวณปากทางพัทยากลาง ซึ่งจากการรับฟังการชี้แจงจากผู้รับเหมาโครงการ พบว่า อุโมงค์ดังกล่าวจะมีการขุดหน้าดินในระดับความลึก 3 เมตรกว่าเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ สายวงจรที่วางแนวไว้ย่อมได้รับผลกระทบ ซึ่งหากไม่มีการวางแผนแก้ไขอาจทำให้กระแสไฟฟ้าในพื้นที่พัทยากลาง พัทยาเหนือ และชายหาดบางส่วนจะไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ในช่วงเวลาดังกล่าว

ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค ระบุว่า แนวถนนสุขุมวิทช่วงพัทยากลาง มีการวางแนวท่อส่งน้ำประปาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 300 มม.ขนาบตลอดแน วซึ่งได้รับผลกระทบเช่นกัน รวมทั้งระบบการสื่อสารอย่างทีโอที ทีทีแอนด์ที หรือแคทเทเลคอม และระบบบำบัดน้ำเสียของเมืองพัทยา ที่วางท่อขนาด 1,200 มม. ผ่านแนวถนนที่เชื่อมต่อไปยังโรงบำบัดภายในซอยหนองใหญ่อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ตลอดแนวเกาะกลางถนนจำเป็นต้องมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เช่น เสาไฟฟ้า High Mast จำนวน 14 ต้น ป้ายโฆษณา 7 ต้น ป้ายบอกทาง 2 ป้าย ไฟจราจร 5 จุด ระบบกล้อง CCTV ต้นไม้ 256 ต้น รวมทั้งสะพานลอยคนข้ามบริเวณหน้าโรงเรียนเมืองพัทยา เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้รับเหมาดำเนินโครงการ ซึ่งจะเริ่มลงมือในวันที่ 5 มกราคม 2558

ด้านนายรณกิจ กล่าวว่า โครงการอุโมงค์ลอดทางแยกถือเป็นโครงการจำเป็น ทำเพื่อแก้ปัญหาการจราจร และรองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งจากเดิมตามแผนงานจะเริ่มก่อสร้างช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน แต่ด้วยหวั่นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงได้เลื่อนการก่อสร้างมาในช่วงต้นเดือนมกราคมปีหน้า อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโครงการนั้นพบว่า มีผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวพันในหลายองค์กร จึงต้องมีการวางแผนรองรับเพื่อลดผลกระทบ ที่อาจจะเกิดต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่มีผลสรุปแนวทางที่ชัดเจน แต่มีกำหนดการนัดทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่จริงเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไข และผลสรุปที่ชัดเจนในวันที่ 8 ธันวาคมอีกครั้ง