ศูนย์ข่าวศรีราชา - คืบหน้าแล้วกว่า 80% โครงการทางลดระดับแยกสุขุมวิท-พัทยา หลังระดมสมองจัดระบบเดินรถ พร้อมเตรียมเสนอกรมทางหลวงเห็นชอบ ก่อนประชาพิจารณ์เพื่อใช้อย่างเป็นทางการ
วันนี้ (28 พ.ย.) นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นประธานเปิดประชุมพิจารณาการจัดการจราจร ระหว่างการก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางลดระดับ แยกถนนสุขุมวิท-พัทยา หลังจากเห็นชอบเลื่อนระยะเวลาการก่อสร้างไปหลังเทศกาลปีใหม่ 2558 เนื่องจากเกรงว่าหากดำเนินการตามแผน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 อาจส่งผลกระทบในภาพรวมต่อวิถีการดำรงชีวิตของประชาชน และการท่องเที่ยว
โดยการประชุมครั้งนี้ มีนายปกรณ์ สุคนธชาติ ปลัดเมืองพัทยา พ.ต.อ.พิสิฎฐ์ โปรยรุ่งโรจน์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่จากสถานีในพื้นทีที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยง รวมทั้งตัวแทนจากส่วนงานวิศวกรรมจราจรและขนส่งเมืองพัทยาเข้าร่วม
พ.ต.อ.พิสิฎฐ์ เสนอแผนการศึกษาด้านการจราจรในช่วงดังกล่าว ด้วยการจัดระบบเดินรถแบบวันเวย์ หรือเดินทางทางเดียวเฉพาะในฝั่งขาเข้าซอยสยามคันทรีคลับ และเนินพลับหวาน ซึ่งรถทั้งสองเส้นทางจะถูกบังคับเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบทางรถไฟ เพื่อไปกลับรถยังแยกวัดหนองใหญ่ ก่อนวกกลับเข้าสู่ซอยสยามคันทรีคลับ และเนินพลับหวานต่อไป
ขณะที่ซอยเขาน้อย และเขาตาโล จะจัดการเดินรถแบบวันเวนย์เช่นกันในขาออก เพื่อระบายรถจากฝั่งในเขตเทศบาลหนองปรือ มุ่งตรงสู่ถนนสุขุมวิท
ส่วนการจราจนบนถนนสุขุมวิท จะปิดช่องทางจราจร 2 ช่อง จากบริเวณเกาะกลางถนน เพื่อขุดเจาะ และก่อสร้างทางลอด โดยจะให้รถโดยสารทั้งไปและกลับได้ 2 ช่องทางเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังจะปิดการจราจรบริเวณปากซอยสยามคันทรีคลับ และพัทยากลาง โดยจะให้รถที่มุ่งหน้าเข้าสู่สัตหีบ ไปกลับรถบริเวณจุดแยกพัทยาใต้ เพื่อวกกลับสู่เขตเมืองพัทยา รวมทั้งจุดแยกสาย 3 ตัดพัทยากลาง เพื่อกันรถจากฝั่งตะวันตกมุ่งหน้าขึ้นถนนสขุมวิท ซึ่งจะสามารถลดความแออัดได้
ทั้งนี้ จะทำการอุดหนุนงบประมาณจากผู้รับเหมา 1 ล้านบาท ให้แก่เทศบาลเมืองหนองปรือ พร้อมตั้งงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ในส่วนของเมืองพัทยา เพื่อติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ชี้แจงเส้นทางการเดินรถ และการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะใช้ระยะเวลากว่า 810 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลจากการศึกษาเท่านั้น โดยจากนี้จะนำเสนอต่อกรมทางหลวงชนบทเพื่อเห็นชอบ ก่อนจัดทำประชาพิจารณ์สอบถามความคิดเห็นประชาชน ผู้ประกอบภาคธุรกิจ และผู้นำชุมชนต่อไป