กูรูด้าน ICT แนะภาครัฐ-เอกชนเร่งปรับตัวเข้าสู่โหมด Digital Economy

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ซิป้าชักชวนภาคเอกชนหันมาสนใจเครือข่าย ICT เพื่อรับมือการตลาดยุคใหม่ ผู้เชี่ยวชาญระบุ Digital Economy นั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ประเทศไทยจะต้องมี แต่เป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องลงมือทำ

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่บริเวณ Event Hall ชั้น 1 อาคาร A ศูนย์การค้าพรอมเมนาดา สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA สาขาเชียงใหม่ จัดบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Digital Economy ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาคเหนือ” โดยมี นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ภายในงานมีตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมฟังบรรยายจำนวนมาก
ดร.มนู อรดีดลเชษฐ์ ผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือซิป้า (องค์การมหาชน) กล่าวว่า Digital Economy หรือเศรษฐกิจในยุคดิจิตอล เป็นการใช้เครือข่ายของ ICT ให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ, การค้า, การบริหารจัดการ, การดำเนินชีวิตประจำวัน และด้านการศึกษา

โดยที่ทุกด้านนั้นต้องมีการร่วมมือจากภาครัฐบาลและเอกชน เข้ามาร่วมกันในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ Digital Economy นั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ประเทศไทยจะต้องมี แต่เป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องลงมือทำ เพราะการใช้ประโยชน์จาก ICT ที่ประเทศไทยมีอยู่นั้นสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้หลายด้าน

โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่หรือภาคเหนือ ที่จะต้องหันมาเน้นย้ำใช้เครื่องมือทาง ICT ให้มากขึ้น เช่น การขายงานหัตถกรรมผ่านทางเว็บไซต์ โดยนำเอางานหัตถกรรมที่เรามีอยู่มาออกแบบแพกเกจจิ้งให้น่าสนใจเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และให้ทางภาครัฐเข้ามาช่วยในการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ตัวสินค้าเพื่อให้มีการดึงดูดความสนใจโดยเฉพาะการเจาะตลาดต่างประเทศจากชาวต่างชาติ เป็นต้น

และการขยายตลาดในยุคที่เน้นใช้เครื่องมือทาง ICT นั้นจะต้องมีรายละเอียดเจาะลึกถึงตัวผลิตภัณฑ์ในทุกขั้นตอน เช่น หากต้องการจะซื้อผักหรือผลไม้จากทางร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า ถ้าผู้บริโภคอยากรู้ที่มาของผักหรือผลไม้นั้นๆ ก็สามารถนำโทรศัพท์มือถือไปสแกนคิวอาร์โค้ดที่ติดอยู่กับผักหรือผลไม้ชนิดนั้น ผู้บริโภคก็สามารถรู้ถึงแหล่งที่มาและขั้นตอนการปลูกของผลิตภัณฑ์ได้

การพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศเรานั้นจำเป็นจะต้องพัฒนาการแข่งขันที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจขนาดใหญ่ ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกัน และการใช้ประโยชน์ของอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด และการร่วมมือจากภาครัฐที่จะต้องเข้ามาสนับสนุนในด้านการประสานงานที่จะต้องมีความสะดวกรวดเร็ว

ดร.มนูกล่าวตอนท้ายว่า ประเทศไทยเรานั้นจะต้องเริ่มคิดเริ่มทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องที่มีมานานแล้วแต่ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องตอบโจทย์ทางธุรกิจเพื่อประชาชนได้ออกไปทำธุรกิจได้สะดวกรวดเร็ว เพราะรัฐบาลเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่การค้า หากทางภาครัฐไม่มีการปรับปรุงให้เหมาะสมในส่วนงานของระบบการค้าการลงทุนก็จะไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่ยุค Digital Economy ได้อย่างเต็มที่