น่าน - เจ้าหน้าที่สนธิกำลังบุกตรวจยึดแพไม้กลางผืนน้ำ “ปากนาย” ที่ล้นจากเขื่อนสิริกิติ์ พบขบวนการค้าไม้เถื่อน ใช้ไม้หวงห้ามตีเป็นฝาพนังแพถึง 3 ชั้น ก่อนใช้น้ำมันเครื่องเก่าทาทับตบตา จนท. แล้วปล่อยไหลตามน้ำส่งนายทุน คาดรวมหัวทำเป็นขบวนการ
วันนี้(23 พ.ย.) นายพัฒนพงษ์ สร้อยอินทรางกูล นอภ.นาหมื่น จ.น่าน พร้อมด้วย พ.ท.วัฒนา จันทร์ไพจิตต์ หัวหน้าชุดการข่าว กอ.รมน.จ.น่าน สนธิตำรวจ-ทหาร-เจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาป่า อุทยานศรีน่าน , อุทยานขุนสถาน เข้าตรวจสอบเรือนแพจำนวน 2 ลำ บริเวณห้วยลึก บ.สันป่าสัก ม.16 ต.นาทะนุง อ.นาหมื่น รอยต่อระหว่าง อ.นาหมื่น จ.น่าน กับ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ห่างจากหมู่บ้านประมงปากนาย ประมาณ 14 กม.
หลังได้รับแจ้งว่า มีการลักลอบขนไม้หวงห้ามไหลมาตามน้ำที่ล้นมาจากเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ปากนาย
จากการตรวจสอบตรวจสอบพบว่าเรือนแพทั้ง 2 ลำ ติดป้ายชื่อนายดวงฤดี แก่นจันทร์ ที่อยู่เลขที่ 13 บ้านปากนาย ม.17 ต.นาทะนุง อ.นาหมื่น จ.น่าน แต่ขณะเข้าตรวจสอบไม่ปรากฏเจ้าของแพ หรือบุคคลภายในเรือนแพ หรือเครื่องครัว เครื่องใช้สอย
ทั้งนี้ พบว่ามีการนำไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้แดง ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามแปรรูปขนาดต่าง ๆ มาตีแปะทับทำเป็นข้างฝาซ้อนกันถึง 3 ชั้น รวมกว่า 1 พันแผ่น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และใช้น้ำมันเครื่องเก่าที่ใช้แล้วทาด้านนอก เพื่อให้ไม้มีสภาพเก่า อำพรางสายตาเจ้าหน้าที่ แล้วปล่อยไหลมาตามน้ำ เพื่อนำออกขายให้กับพ่อค้าและนายทุน
นายพัฒนพงษ์ สร้อยอินทรางกูล นอภ.นาหมื่น เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายดวงฤดี แก่นจันทร์ ที่มีชื่อเป็นเจ้าของเรือนแพดังกล่าว ให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือนแพทั้ง 2 ลำ โดยนายชะลอ แถมไชยประเสริฐ ผู้ใหญ่บ้านปากนาย หมู่ 17 ก็ให้การยืนยันรับรองว่านายดวงฤดี เป็นลูกบ้านของตนจริง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือนแพ ดังกล่าวฯ แต่อย่างใด อาจจะเป็นการที่บุคคลอื่นนำชื่อมาแอบอ้าง
อย่างไรก็ตาม ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการเคลื่อนย้ายเรือนแพทั้ง 2 ลำ ออกจากพื้นที่เพื่อนำกลับเข้ายังฝั่ง เพื่อทำการบันทึกตรวจยึด พร้อมกับเร่งสืบสวน และติดตามเจ้าของเรือนแพดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป