บุรีรัมย์ - ไม่น่าเชื่อ! พบครอบครัวพ่อแม่ลูกรวม 8 คน ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ไม่มีบัตรประชาชนไร้สิทธิความเป็นคนไทย ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านเขียนไม่ได้ อาศัยปลูกกระต๊อบอยู่ในที่สาธารณะ เผยมีพ่อแม่เป็นคนไทยถูกต้องยังมีชีวิตอยู่ในตำบลเดียวกัน เหตุมีลูกมากไม่มีเงินซื้อยาคุม เจ็บป่วยไม่กล้าไปหาหมอ รับเงินธนาณัติไม่ได้เพราะไม่มีบัตร ปชช. ลูกเขยวิ่งเต้นให้กลับถูกอำเภอเรียกค่าตรวจดีเอ็นเอคนละ 5,000 บาท หมดปัญญาวอนรัฐช่วย
วันนี้ (17 พ.ย.) เรื่องราวที่ไม่คาดคิดว่าจะยังมีอยู่ในสังคมปัจจุบันนี้เกิดขึ้นที่บ้านเกษตรสมบูรณ์ หมู่ 8 ต.ตะโกตาพิ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ หลังผู้สื่อข่าวได้รับการแจ้งจากชาวบ้านให้เข้าไปตรวจสอบครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ด้วยกันรวม 8 คน อายุตั้งแต่ 6 ขวบ ถึง 57 ปี ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างน่าเวทนาในที่สาธารณะท้ายหมู่บ้านมานานหลายสิบปี แต่ไม่สามารถใช้สิทธิของความเป็นคนไทยได้ ทั้งที่พ่อแม่และญาติพี่น้องเป็นคนในพื้นที่ตำบลเดียวกัน
จากนั้นจึงได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง พบกระท่อมขนาด 5x6 เมตร มีแคร่หน้าบ้านทำเป็นที่นอน หลังคาและฝาผนังทำด้วยสังกะสี ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีไฟฟ้า อาศัยอยู่ติดสระน้ำท้ายหมู่บ้าน พบนายสุนีย์ ทรงประโคน อายุ 57 ปี นางเคร่ง โตดตามี อายุ 56 ปี สองสามีภรรยา พร้อมลูกอีก 6 คน ประกอบด้วย 1. น.ส.สุ ทรงประโคน อายุ 22 ปี 2. น.ส.สุวรรณภา ทรงประโคน อายุ 20 ปี 3. นายคณาวุธ ทรงประโคน อายุ 18 ปี ปัจจุบันไปรับจ้างที่ต่างจังหวัด 4. น.ส.ชะเอม ทรงประโคน อายุ 15 ปี 5. ด.ช.กิติญาภรณ์ ทรงประโคน อายุ 10 ขวบ และลูกคนที่ 6. ด.ช.ชัชวาลย์ ทรงประโคน อายุ 6 ขวบ
โดยชื่อจริงทั้งหมดลูกเขยที่เพิ่งมาอาศัยอยู่ด้วยได้ตั้งให้เองเมื่อ 2 เดือนก่อน เพราะทุกคนมีเพียงชื่อเล่น
สอบถามนายสายชล จูนางรอง อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.สุ ทรงประโคน ลูกสาวคนโต และเป็นลูกเขยนายสุนีย์ เล่าว่า ตนอยู่กินกับภรรยาได้ประมาณ 2 เดือน หลังจากทราบว่าทั้งหมดไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน รู้สึกตกใจและไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เหลืออยู่ในเมืองไทย ทั้งที่พ่อตาและแม่ยายมีพ่อมีแม่เป็นคนไทยและปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่และอาศัยอยู่ในตำบลเดียวกัน
จากนั้นตนจึงพยายามวิ่งเต้นไปยังอำเภอประโคนชัยเพื่อขอเดินเรื่องทำบัตรประจำตัวประชาชนให้กับทั้ง 8 คน ซึ่งทางอำเภอตรวจแล้วพบมีข้อมูล แต่ต้องไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันอีกครั้ง ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการตรวจคนละ 5,000 บาท จึงแจ้งไปว่าครอบครัวฐานะยากจน ไม่มีปัญญาที่จะหาเงินจำนวน 40,000 มาจ่ายให้ได้
โดยตนเองต้องการขอเอกสารจากเจ้าหน้าที่เพื่อจะไปเดินเรื่องต่อที่ตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ทางจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าจะลดค่าใช้จ่ายในการตรวจให้เหลือคนละ 3,600 บาท ตนก็บอกไปว่าไม่มีเงินเช่นเดิม และยืนยันจะขอเอกสารไปเดินเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรมในตัวจังหวัดบุรีรัมย์
จากนั้นต่อมาทางอำเภอประโคนชัยมอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านเดินเรื่องต่อและได้รับคำตอบว่าไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายแล้ว แต่จะต้องเดินทางไปตรวจดีเอ็นเอที่จังหวัดนครราชสีมา ทางครอบครัวกำลังหาเงินค่ารถเพื่อจะเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา
นายสายชลยังบอกด้วยว่า สาเหตุที่ครอบครัวของภรรยาไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน อาจเป็นเพราะผู้นำในพื้นที่ไม่ให้ความใส่ใจทั้งที่คนในหมู่บ้านรู้เรื่องหมด ส่วนตัวคิดว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐยังไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากนัก กลับถูกเอารัดเอาเปรียบมากกว่า จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวด้วย
ด้านนายสุนีย์ ทรงประโคน หัวหน้าครอบครัว บอกว่า ครั้งนั้นแม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิดให้ เช่นเดียวกับภรรยาที่พ่อแม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิดเช่นกัน เมื่อมาเจอกันต่างคนต่างไม่มีบัตรประชาชนจึงอยู่กินด้วยกัน จนกระทั่งมีลูกด้วยกันถึง 6 คน แต่ก็ไม่มีหลักฐานไปแจ้งเกิดลูก
ส่วนสาเหตุที่มีลูกหลายคนเพราะไม่มีเงินซื้อยาคุมกำเนิด และไม่มีบัตรประชาชนไปเอายาคุมฟรี การคลอดลูกต้องคลอดกับหมอตำแยในหมู่บ้าน ที่ผ่านมาครอบครัวอยู่ด้วยความลำบาก ลูกชายที่ไปทำงานต่างจังหวัดพยายามส่งเงินมาให้ทางไปรษณีย์เดือนละ 2,000 บาท ได้รับเพียงเอกสารแต่ไม่เคยได้เงิน ไม่เคยไปหาหมอเวลาเจ็บป่วยเพราะไม่มีบัตรประชาชน แต่ตอนนี้เป็นห่วงอนาคตลูกๆ ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ
“จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือให้ได้มีบัตรประชาชนพร้อมยืนยันว่าครอบครัวตนเองเป็นคนไทย ชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านต่างรู้จักกันหมด” นายสุนีย์กล่าว
