กาญจนบุรี - เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เชื่อปัญหา “พระครูวัชระ เอกวัณโณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำแฝด พระเกจิชื่อดังเมืองกาญจน์กับสีกา “อ.” เป็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัว พร้อมยอมรับมีพระบางองค์อาศัยผ้าเหลืองเป็นเครื่องทำมาหากินก็มี
จากกรณีเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้นำภาพของพระครูสิทธิกาญจนกิจ (พระครูวัชระ เอกวัณโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำแฝด ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี กับสีกามีที่มีชื่อย่อว่า “คุณ อ.” มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีการแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมากและมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ที่หน้าเฟซบุ๊กมีทั้งหมด 7 ภาพ และมีการเขียนบรรยายถึงพฤติกรรมของพระครูวัชระ และคุณ อ. สีกาเอาไว้ว่าทั้งสองเป็นสามีและภรรยากันโดยอาศัยผ้าเหลืองเป็นเครื่องมือทำมาหากิน รายได้ทั้งหมดจะฝากเข้าบัญชีส่วนตัวของพระครูวัชระ และบัญชีส่วนตัวของสีกาคนดังกล่าว คาดว่าทั้งสองจะมีเงินอยู่ในบัญชีมากกว่า 100 ล้านบาท และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบบัญชี ก่อนที่จะสึกจากความเป็นพระ
ต่อมา เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (16 พ.ย.) พระมหาปราโมทย์ ปโมทิโต เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง เจ้าอาวาสวัดบ้านถ้ำ หมู่ 1 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากที่มีเรื่องราวเกิดขึ้น เจ้าคณะตำบลก็ได้ขอร้องให้พระครูวัชระ ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำแฝด ซึ่งท่านก็ยอมลาออกไปแล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา เมื่อลาออกจากเจ้าอาวาสแล้ว เจ้าคณะตำบลเขาน้อย ก็ได้ตั้งพระชลัช สุจิตโต อายุ 40 พรรษา 18 วิทยฐานะ นธ.เอก สังกัดวัดมโนธรรมาราม (นางโน) ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี มารักษาการเจ้าอาวาสวัดถ้ำแฝดแทน และเมื่อไม่นานมานี้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ก็ไปประชุมเกี่ยวกับเรื่องการเงินของวัด พบว่า มีเงินที่ได้จากการทอดกฐิน มียอดเงินประมาณ 7 ถึง 8 แสนบาท อดีตเจ้าอาวาสก็ได้มอบบัญชีให้แก่เจ้าคณะตำบล และคณะกรรมการวัดเป็นผู้ดูแล ซึ่งเงินที่ได้จากการทอดกฐินอดีตเจ้าอาวาสก็ได้นำมาทำการก่อสร้างอาคารศาลาให้แก่ทางวัดที่ยังค้างคาอยู่
ส่วนเงินที่ท่านได้จากการสร้างวัตถุมงคลตรงนี้อาตมาไม่ทราบว่าได้เงินมาแล้วท่านเอาไปทำอะไรบ้าง เพราะเชื่อว่าคงจะนำเงินไปสร้างศาลาภายในวัดนั่นแหละ และในเมื่อท่านได้ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำแฝดแล้ว เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาตมาจึงอยากให้มันยุติลง ที่ว่าขอให้ยุติก็เพราะเรื่องของศาสนา ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับพระสงฆ์มากๆ จะทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธา ทำให้ศาสนาพุทธเราไม่มีใครเชื่อถือพระ ชาวบ้านจะมองว่าพระวัดโน้นก็ไม่ดี พระวัดนี้ก็ไม่ดี ทำให้ไม่อยากที่จะเข้าวัดทำบุญ หรือเลือกไปทำบุญเฉพาะบางวัด
ส่วนตัวของอาตมามองว่า ในเมื่อท่านลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดไปแล้วท่านก็ไม่มีสิทธิที่จะทำอะไร เพราะเจ้าคณะตำบล ก็ได้ตั้งรักษาการเจ้าอาวาสไปแล้ว รักษาการเจ้าอาวาสรูปใหม่ก็จะเข้าไปดูแลเรื่องการเงิน พร้อมกับคณะกรรมการวัด เพื่อตรวจสอบเงินในบัญชีว่ายังคงมีอยู่เท่าไหร่ หรือมีหนี้สินอะไรอยู่เท่าไหร่ เพราะทราบว่า อดีตเจ้าอาวาสยังมีหนี้สินอยู่ประมาณ 2 แสนบาท สาเหตุเพราะไปยืมเงินจากคนโน้นคนนี้เพื่อนำเงินมาสร้างศาลา และอาคารต่างๆ ที่อยู่ภายในวัด
“ยอมรับว่าเงินที่ได้จากวัตถุมงคลต่างๆ เราไม่ทราบว่ามีเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่เงินที่ได้จากการทำบุญทอดกฐิน หรือผ้าป่า เงินจำนวนนี้จะต้องตกเป็นของวัดทั้งหมด เพราะฉะนั้นเรื่องเช่นนี้อาตมาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น ทำให้ศาสนาเสื่อม เหมือนที่ผ่านมา” เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง กล่าว
พระมหาปราโมทย์ ปโมทิโต เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง กล่าวต่อว่า ในฐานะที่อาตมาเป็นเจ้าคณะอำเภอท่าม่วง มองว่าเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับพระเราเอง เมื่อใหญ่โตขึ้นเป็นเจ้าอาวาส พระบางองค์ก็ทำอะไรโดยพละใจของตัวเองก็มี แต่เราก็ได้แต่เพียงขอร้องว่าให้ทำอยู่ในขอบเขตของการเป็นเจ้าอาวาส การเป็นเจ้าอาวาสจะต้องปฏิบัติอยู่ในธรรมะวินัยของพระพุทธเจ้า หากรักษาการปฏิบัตินี้เอาไว้ได้แล้วมันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ที่จริงแล้วเรื่องบางเรื่องมันไม่ถึงกับจะต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเหมือนว่าพระจะขาดจากความเป็นพระ ถ้าอาบัติไม่รุนแรงโทษของพระก็ลดหลั่นกันไป บางครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่เท่าไหร่ แต่มีคนจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต มันทำให้พระองค์นั้นเสื่อมเสียก็จริง แต่มันทำให้ศาสนาเสื่อมไปด้วย อาตมาจึงไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ยอมรับว่าปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องพระพุทธศาสนามีเรื่องทำให้เสียหายเยอะมากเลยทีเดียว”
“ที่จริงแล้วปัญหาของเจ้าอาวาสวัดถ้ำแฝด มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ที่ท่านไปเมืองนอกเพราะท่านมีลูกศิษย์ลูกหาตามไปด้วย ท่านก็ให้เงินไปตีตั๋วเครื่องบิน บินไปด้วยกัน และเจ้าอาวาสคงเคยให้เงินใช้มาตลอด แต่มาคราวหลัง เจ้าอาวาสก็คงจะไม่ให้เงิน จึงทำให้ลูกศิษย์คนดังกล่าวไม่พอใจ จึงเกิดการโจมตีกัน มาถ่ายภาพโจมตี เพราะต้องการให้เจ้าอาวาส เอาเงินไปให้ อย่างนี้อาตมามองว่าไม่เหมาะสม ถือว่าลูกศิษย์คนดังกล่าวหากินกับพระอย่างนี้ไม่ดี”
“เพราะฉะนั้น อาตมาจึงมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าอาวาสวัดถ้ำแฝดเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าอาวาสมาเป็นพระเกจิ ทำให้มีข้อหละหลวมเยอะ พระที่เป็นพระเกจิเกือบทุกองค์มีข้อหละหลวมกันทั้งนั้น พระเกจิยิ่งแก่มากแล้ว บางทีสติเริ่มไม่ค่อยดีจำอะไรไม่ค่อยได้ ทำให้ลูกศิษย์ลูกหานำไปเป็นเครื่องทำมาหากินเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ได้ง่ายขึ้น แต่พระบางองค์ก็อาศัยผ้าเหลืองเป็นเครื่องทำมาหากินก็มี” พระมหาปราโมทย์ ปโมทิโต เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง กล่าว