กาฬสินธุ์-เขื่อนลำปาวยังระบายน้ำลงสู่แม่น้ำปาวและแม่น้ำชีอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละกว่า 5 หมื่น ลบ.ม. เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปี และใช้อุปโภค บริโภคในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนล่าง หลังแม่น้ำชีประสบปัญหาวิกฤตแล้งหนักในรอบหลายปี พร้อมขอความร่วมมือเกษตรกรควรลดและงดปลูกข้าวนาปรัง ให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน
วันนี้ (11 พ.ย.) นายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาวกาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำปาว เพื่อประเมินระดับน้ำและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งกำลังแบ่งปันส่งน้ำลงสู่แม่น้ำปาว และแม่น้ำชี
ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี ให้มีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวนาปีที่กำลังใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต และให้เกษตรสามารถเพาะพืชฤดูแล้ง และใช้ในการอุปโภค บริโภค
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำชีตั้งแต่ต้นน้ำที่จังหวัดชัยภูมิมาจนถึงท้ายน้ำที่อำเภอเขื่องใน จ.อุบลราชธานีมีปริมาณน้ำต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย เข้าสู่สภาวะแล้งเร็วกว่ากำหนด 2 เดือน บางพื้นที่ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว แล้งหนักสุดในรอบหลายปี
สาเหตุเกิดจากปริมาณฝนที่ตกลงมาในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ และรอบเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำชีน้อยกว่าทุกปี
นายปิยปัญญา ภู่ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาวกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำปาวจังหวัดกาฬสินธุ์ยังไม่น่าเป็นห่วงและยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม้ปริมาณฝนที่ตกลงมาในปีนี้จะมีค่าเฉลี่ยน้อยกว่าเกณฑ์ก็ตาม
แต่เนื่องจากหลายๆ ปีที่ผ่านมามีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด จึงส่งผลให้ปริมาณน้ำในปัจจุบันเหลือ 1,185 ล้าน ลบ.ม.หรือ 59%
ถือว่ายังเพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวนาปรัง การปลูกพืชฤดูแล้ง การประมงในปี 2557/2558 ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ชลประทานเขื่อนลำปาว และเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภคในช่วงหน้าแล้งอย่างแน่นอน
นายปิยปัญญากล่าวอีกว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์พบว่าแม่น้ำชี ตั้งแต่ช่วงต้นน้ำชีจังหวัดชัยภูมิจนถึงปลายน้ำจังหวัดอุบลราชธานี ระยะทางกว่า 1,000 กม.มีปริมาณน้ำน้อยมาก เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ต้นน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ ดังนั้นทางเขื่อนลำปาวกาฬสินธุ์จึงต้องแบ่งปันส่งน้ำลงสู่แม่น้ำชีเพิ่มขึ้น
จากเดิมเขื่อนลำปาวจะระบายลงสู่แม่น้ำปาวเป็นหลัก และช่วยเสริมแม่น้ำชี โดยปัจจุบันได้ระบายน้ำเฉลี่ยวันละ 5 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือวันละ 4.3 หมื่น ลบ.ม.เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนล่างให้มีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวนาปีจนกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จ และใช้ในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง
แต่ก็ต้องขอความร่วมมือเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ควรที่จะลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ส่วนพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนล่างที่เขื่อนลำปาวส่งน้ำไปช่วยนั้น ควรที่จะงดปลูกข้าวนาปรังเนื่องจากใช้น้ำมาก และให้ปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน เพื่อที่จะสงวนน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคในช่วงหน้าแล้ง