เขื่อนลำนางรองบุรีรัมย์มีน้ำกักเก็บน้อย ให้เกษตรกรลดพื้นที่นาปรังกว่าครึ่ง

บุรีรัมย์ - โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังเหลือเพียง 1 หมื่นไร่ จากทุกปีจะปลูกข้าวนาปรังอยู่กว่า 2.4 หมื่นไร่ หวั่นกระทบแล้งผลผลิตเสียหาย หลังปีนี้เขื่อนลำนางรองมีน้ำกักเก็บเพียง 63% น้อยกว่าปีที่ผ่านมากว่าครึ่ง

วันนี้ (24 ต.ค.) สถานการณ์น้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำหลายแห่งในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ยังคงมีปริมาณกักเก็บต่ำและน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีฝนตกน้อยและไม่ตกในพื้นที่รับน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนลำนางรอง อ.โนนดินแดง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่แห่งเดียวของจังหวัด ปัจจุบันมีน้ำกักเก็บเพียง 76 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือร้อยละ 63 ของขนาดความจุอ่าง 121 ล้าน ลบ.ม.

ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนลำนางรองจึงได้มีการเรียกประชุมพร้อมทำบันทึกข้อตกลงกับเกษตรกรในเขตบริการ ให้ปรับลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวรอบสองหรือข้าวนาปรังให้เหลือเพียง 10,000 ไร่ จากทุกปีที่ผ่านมาเกษตรกรจะปลูกข้าวนาปรังอยู่ที่ประมาณ 24,000 ไร่

สาเหตุที่ต้องจำกัดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปีนี้มีปริมาณน้ำฝนและน้ำที่สะสมอยู่ในป่าดงใหญ่ที่ไหลเข้าเขื่อนตั้งแต่ต้นปีเพียง 21 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปีที่ผ่านมามีน้ำไหลเข้าเขื่อนมากถึง 40 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงเกรงว่าหากปลูกมากเกินพื้นที่ที่จำกัดไว้ 10,000 ไร่ น้ำอาจจะไม่เพียงพอหล่อเลี้ยงต้นข้าวซึ่งอาจทำให้ผลผลิตเสียหายได้

นายสุพัฒน์ ฤทธิชู ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง อ.โนนดินแดง กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องจำกัดพื้นที่ทำนาปรัง เนื่องจากปีนี้มีน้ำเข้าเขื่อนน้อยเพราะนอกจากทางโครงการฯ จะต้องส่งน้ำให้ทำนาปรังแล้วยังจะต้องส่งน้ำให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชผัก และพืชไร่ชนิดอื่นด้วย

จากข้อมูลพื้นที่นาข้าว 10,000 ไร่ จะต้องส่งน้ำให้บริการถึง 19 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่หากปลูกข้าว 24,000 ไร่เหมือนทุกปีจะต้องส่งน้ำให้บริการมากกว่า 40 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงเกรงว่าน้ำที่กักเก็บในเขื่อนจะไม่เพียงพอส่งให้เกษตรกรทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี