อุบลราชธานี - ไฟไหม้รับคืนลอยกระทงวอด 8 คูหา ตำรวจสันนิษฐานไฟฟ้าไม่ใช่โคมลอยตามกระแสโซเชียล รอพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบยืนยันอีกครั้ง
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านไม้เก่า 2 ชั้น ที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน โดยบ้านต้นเพลิงเป็นร้านขายข้าวสารป๋ายงค์ มีนายสมยงค์ สุวรรณเทวี อายุ 60 ปี เป็นเจ้าของ ก่อนลุกลามไปห้องข้างเคียงอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นบ้านไม้เก่าปลูกสร้างตั้งแต่ปี 2512 โดยจุดเกิดเหตุตั้งอยู่ริมถนนน้ำยืน-น้ำขุ่น ตรงข้ามโรงเรียนประถมประจำอำเภอน้ำยืน บ้านวารีอุดม ต.สีวิเชียร
เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลน้ำยืน และ อบต.นำรถดับเพลิง 5 คันเข้าสกัด แต่เพลิงโหมไหม้อย่างรุนแรง เนื่องจากบริเวณนั้นมีร้านจำหน่ายของชำ จำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร และปุ๋ยเคมี ระหว่างเกิดเหตุมีฝนตก จึงทำให้ควบคุมเพลิงได้ใน 1 ชั่วโมง
โดยเพลิงได้ลุกไหม้อาคารไม้เสียหาย 7 คูหา อีก 1 คูหาเสียหายเล็กน้อย จำนวนนี้มีร้านจำหน่ายทองคำ 1 ห้อง แต่ขณะเกิดเหตุเจ้าของเก็บทองไว้ในบ้านพักหลังอาคารไม้ที่ถูกไฟไหม้ จึงมีพระเครื่องและเครื่องเงินได้รับความเสียหายไปจำนวนหนึ่ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 5 ล้านบาท
สอบสวนนางสุภาภรณ์ อาสา อายุ 45 ปี แม่ค้าขายโจ๊กและข้าวมันไก่ เล่าว่า เห็นประกายไฟเกิดขึ้นบริเวณเสาไฟฟ้า ซึ่งอยู่ติดหลังคาร้านข้าวสารป๋ายงค์ ก่อนลูกไฟจะตกลงบนหลังคาทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จึงโทรศัพท์แจ้งรถดับเพลิงมาดับไฟ
พ.ต.ท.สมชาย ผ่องเมืองปักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.น้ำยืน กล่าวว่า หลังรับแจ้งได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำพยานแวดล้อมผู้เห็นเหตุการณ์ ทำให้เชื่อว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจากเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณหน้าร้านขายข้าวสารป๋ายงค์ ซึ่งต่อเติมตัวอาคารให้ยื่นออกมาชิดติดเสาไฟฟ้าแรงสูง ก่อนลุกลามไปห้องข้างเคียง อย่างไรก็ตาม ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐาน เพื่อสรุปสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
ด้านนายสมยศ รักษ์สกุลวิทยา นายอำเภอน้ำยืน กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวในโซเชียลระบุสาเหตุเกิดจากการปล่อยโคมลอยแล้วตกใส่บ้านไม่เป็นความจริง เพราะขณะเกิดเหตุการจัดงานประเพณีลอยกระทงที่เทศบาลตำบลน้ำยืนจัดขึ้น ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ยังไม่มีการปล่อยโคมลอย เพราะอยู่ในช่วงพิธีสงฆ์ และเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุรวมทั้งบ้านใกล้เคียงก็ได้มาร่วมอยู่ในงานด้วย
สำหรับจุดเกิดเหตุมีการปลูกสร้างตัวอาคารล้ำออกมาจนติดเสาไฟฟ้า ซึ่งสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกำลังนำเสาไฟฟ้าต้นใหม่มาติดตั้งเพื่อย้ายสายไฟฟ้าแรงสูงให้ออกห่างจากตัวอาคาร แต่ยังไม่ทันย้ายก็เกิดเหตุขึ้นก่อน
