พิจิตร - วัยรุ่นโหดกระหน่ำตีหนุ่มสาวในงานกฐินขับรถ จยย.ไล่ตามแล้วถีบตกน้ำอนาถ สาวผู้ตายสภาพยังนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่
วันนี้ (2 พ.ย.) ได้มีพลเมืองดีนำร่าง นายสุพจน์ ทองศร อายุ 27 ปี เป็นชาว ต.คลองโนน อ.เมือง จ.พิจิตร หลังถูกตีอาการสาหัสส่ง รพ.พิจิตร แต่เมื่อช่วงสาย นายสุพจน์ ได้ฟื้นขึ้นมาจึงได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนกับแฟนสาว คือ น.ส.จิรานันท์ เหล่าพิมพ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/1 หมู่ 6 ต.พันชารี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ทำงานเป็นพนักงานบริษัทโรงงานการ์เมนต์ อ.สามง่าม จ.พิจิตร
โดยตนเป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์ มีนางจิรานันท์ ซ้อนท้ายมาจากบ้านที่ ต.คลองโนน เพื่อมาเที่ยวงานทอดกฐินที่วัดดงชะพลู อ.เมืองพิจิตร เมื่อคืนวันที่ 1 พ.ย.57 และ น.ส.จรานันท์ ได้ไปมีเรื่องกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่มาเที่ยวงานจนมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง โดย น.ส.จีรานันท์ ได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นตบตีที่บริเวณใบหน้าหลายครั้ง
จากนั้นตนได้เข้าห้ามปราม และแยกย้ายกันไป ซึ่งคิดว่าคงจะจบกันไปแล้วแต่ไม่คิดว่าวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวจะอาฆาตขับรถจักรยานยนต์ไล่ตามตนกับแฟน จนมาถึงบริเวณริมคลองชลประทาน ซึ่งค่อนข้างจะมืด และดึกมากแล้ว วัยรุ่นกลุ่มนี้ได้ใช้ของแข็งไล่ตีตนเอง และแฟนสาว และได้ถีบรถจักรยานยนต์ของตนที่มี น.ส.จิรานันท์ นั่งซ้อนท้ายอยู่ตกลงไปในคลองชลประทานแล้วหนีไป
นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ตนเองค่อยๆ คลานขึ้นมาบนถนน และสลบไป มารู้สึกตัวอีกทีว่ามีชาวบ้านมาเห็นแล้วนำส่ง รพ.พิจิตร แต่ก็ไม่ทราบว่าแฟนสาว คือ น.ส.จิรานันท์ จะเป็นเช่นไรบ้าง เพราะว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งก็คิดว่าคงจะได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสเช่นเดียวกันตน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยแฟนสาวของตนด้วย
ร.ต.ท.กำจัด แก้วสุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร และหน่วยกู้ภัยจึงได้ร่วมกันไปดูในที่เกิดเหตุบริเวณริมคลองส่งน้ำชลประทานเศรษฐี หมู่ 6 อ.คลองคะเชนทร์ จ.พิจิตร หน่วยกู้ภัยได้ลงไปงมหาร่างของ น.ส.จิรานันท์ แฟนสาวของนายสุพจน์ พบ น.ส.จิรานันท์ สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขาสั้น ในสภาพที่ขายังคร่อมเบาะนั่งซ้อนท้ายของรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า โซนิค ทะเบียน ขขย พิจิตร 489 อยู่ บริเวณใบหน้า และศีรษะถูกตีด้วยของแข็งเป็นแผลฉกรรจ์และได้เสียชีวิตแล้ว จึงได้แจ้งให้ น.พ.ธีรวัฒน์ รักจิตร แพทย์เวร ร.พ.พิจิตร มาทำการชันสูตรพลิกศพดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ติดตามหาตัววัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวว่ามีใครบ้างมาสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์