เชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 จับพระกะเทย เครือข่ายเดียวกับอดีต 5 เจ้าอาวาสวัดดังในเชียงใหม่-ลำพูน ตุ๋ยเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เผยพฤติกรรมซื้อกามเด็กชายผ่านนายหน้าครั้งละ 300-500 บาท ส่งถึงห้องพักรีสอร์ต-กุฏิวัด เผยยังมีพระอีกหลายวัดที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่เป็นพระระดับผู้ใหญ่อาศัยผ้าเหลืองบังหน้า เป็นผู้ทรงศีล แต่พฤติกรรมลับหลังเป็นมารศาสนา ลั่นหากพบมีหลักฐานชัดเจนจับกุมดำเนินคดีให้หมด
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (31 ต.ค.) ที่กองบังคับการสืบสวนภาค 5 พล.ต.ต.ประจวบ วงค์สุข ผบก.สส.ภ.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 5 ได้ทำการจับกุมตัวพระบัณฑิตา หรือพระโอปอล บุญตุ้ม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 202 หมู่ 3 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ อดีตพระลูกวัดศรีม่วงคำ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ. 323/2557 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ในข้อหา "กระทำชำเราหรือกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
โดยจับกุมพระบัณฑิตาได้ที่บริเวณตลาดต้นลำไย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตลาดวโรรส หรือกาดหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ประจวบ วงค์สุข ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 57 ทางเจ้าหน้าที่ชุดศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ทำการจับกุมตัวพระครูธีรเดช สีลธโร หรือนายธีรเดช ขจรสุข อายุ 46 ปี เจ้าอาวาสวัดสันป่าสัก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, พระครูปลัดเปี๊ยก โอภาโส หรือ ธิดา อายุ 54 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ต.ช่อแล อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่, พระครูวิทิตรัตนคุณ หรือ นายเสาร์แก้ว เกี๋ยงหล้า อายุ 49 ปี เจ้าอาวาสวัดบุปผาราม ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่, พระครูประภัศร์วรการ อายุ 60 ปี เจ้าอาวาสวัดกู่ป่าลาน ต.บ้านธิ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน, พระจำรัส อธิมุตโต หรือนายจำรัส วิรัญชัย อายุ 59 ปี เจ้าอาวาสวัดท่าผา ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และพระดำ หรือนายธวัชชัย มูลปานันท์ อายุ 45 ปี พระลูกวัดวัดบุปผาราม หลังพระระดับเจ้าอาวาสทั้ง 6 รูป ร่วมกันกระทำอนาจารเด็กชายอายุ 13-15 ปีจำนวนหลายสิบคน
โดยก่อนหน้านั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือเด็กชาย ก. (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ไว้ได้แถวบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยเด็กชาย ก.ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายน 2556 ตนเองและเพื่อนอีก 8 คนได้ถูกพระดำ หรือพระชัย หรือนายธวัชชัย มูลปานันท์ หลอกลวงให้ไปค้ากาม โดยส่งให้พระสงฆ์รูปอื่นๆ โดยเด็กจะได้ค่าตัวครั้งละ 300-500 บาท
ต่อมาเด็กผู้เสียหายได้พากันหลบหนีและได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก สตรี และเยาวชน และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ตำรวจภูธรภาค 5 และทำการจับกุมพระทั้ง 6 รูปไว้
จากการสอบสวนทราบว่าพระบัณฑิตา หรือพระโอปอล บุญตุ้ม ก็เคยใช้บริการเด็กมากกว่า 6 คน และเคยออฟเด็กไปสวิงกิ้งระหว่างพระ 5 รูปกับเด็ก 5 คนภายในกุฏิ
"หลังการสอบสวนเด็กผู้เสียหายเราก็มีการขออนุมัติศาลออกหมายจับแต่พระบัณฑิตา หรือพระโอปอล บุญตุ้ม ไหวตัวทันหลบหนีไปจำพรรษาที่วัดหลายแห่งในกรุงเทพฯ พอมาวันนี้ก็ย้อนกลับมาที่เชียงใหม่ ทางเราจึงนำหมายจับเข้าทำการจับกุม หลังจับกุมก็พาตัวไปให้เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ทำการสึก แล้วดำเนินคดีตามกฎหมาย"
พล.ต.ต.ประจวบ วงค์สุข ผบก.สส.ภ.5 กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนปากคำเครือข่ายที่หาเด็กไปปรนเปรอ ยังมีอีกหลายเครือข่ายและยังมีพระสงฆ์อีกจำนวนมากที่อยู่ในเครือข่าย ซึ่งตอนนี้เรากำลังรอหลักฐานพยานเพิ่มเติมเพื่อจะออกหมายจับมารศาสนาเหล่านี้ต่อไป
"ส่วนเด็กผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ ยังทราบว่ามีกว่า 100 คน ซึ่งเราก็กำลังตามตัวมาสอบสวนปากคำเพื่อเอาผิดกับแก๊งผ้าเหลืองอัดถั่วดำนี้ต่อไป" ผบก.สส.ภ.5 กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.อภิชาติ หัตถสิน สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 บก.สส.ภ.5 หัวหน้าชุดจับกุม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวพระบัณฑิตา หรือพระโอปอล บุญตุ้ม อายุ 25 ปี ได้ ขณะกำลังมารอขึ้นโดยสารบริเวณตลาดต้นลำไย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตลาดวโรรส หรือกาดหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ควบคุมตัวไปลาสิกขา ก่อนจะส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พื้นที่เกิดเหตุ
พ.ต.ท.อภิชาติกล่าวว่า สำหรับพระบัณฑิตา เป็นพระกะเทย ซึ่งมีพฤติกรรมล่วงละเมิดเด็กชายเป็นเครือข่ายเดียวกับอดีตเจ้าอาวาสวัดดังในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน ที่ถูกตำรวจชุดเดียวกันจับกุมได้เมื่อหลายเดือนก่อนในข้อหา "กระทำชำเราหรือกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
โดยพระบัณฑิตาได้กระทำชำเราเด็กชายในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีพระดำ หรือนายธวัชชัย เป็นนายหน้านำเด็กผู้ชายไปส่งให้ตามห้องพักรีสอร์ต หรือตามวัด โดยให้ค่าตอบแทนเด็กเป็นเงินครั้งละ 300-500 บาท เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายและซื้อขนม
อย่างไรก็ตาม ยังพบพระอีกหลายวัดที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่เป็นพระระดับผู้ใหญ่อาศัยผ้าเหลืองบังหน้า เป็นผู้ทรงศีล แต่พฤติกรรมลับหลังเป็นมารศาสนา โดยเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด หากพบมีหลักฐานชัดเจนจับกุมดำเนินคดีให้หมด