สุรินทร์ - พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดช่องจอมเดือดร้อนหนักไม่มีที่ขายสินค้า ทั้งที่จ่ายค่าเช่าที่ให้เจ้าของพื้นที่สร้างเพิง หลังทหารสั่งรื้อถอนเนื่องจากเป็นที่ราชพัสดุ
วันนี้ (18 ต.ค.) ที่บริเวณลานปูนของโครงการพัฒนาบริเวณด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ แม้แต่อาคารโครงการสำนักงานพัฒนาบริเวณด่านช่องจอม ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ก็ยังไม่สามารถเปิดให้บริการค้าขายแก่ประชาชนทั่วไปได้ เนื่องจากติดขัดเรื่องการขอเช่าใช้พื้นที่จากที่ราชพัสดุ
ส่วนลานปูนด้านหน้าที่เป็นที่ว่างเปล่า มีกลุ่มนายทุนจากจังหวัดสุรินทร์ที่เจรจากับ อบจ.สุรินทร์ เพื่อเช่าใช้ประโยชน์ เพื่อการค้าขายทั้งไทยและกัมพูชา เข้าก่อสร้างเป็นเพิงพักมุงสังกะสีแบ่งเป็นล็อกเพื่อให้เข้ามาเช่าขายสินค้า ขนาดความกว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร ก่อสร้างชั่วคราวรอบๆ ลานปูน มีจำนวนล็อกกว่า 30 ล็อก และได้ให้พ่อค้า แม่ค้า จากพื้นที่ต่างๆ ทั่วไปทั้งชาวไทย และชาวกัมพูชาเข้ามาจับจองเพื่อขายสินค้าอุปโภค บริโภค
โดยเก็บค่าจองล็อกละ 20,000 บาท เปิดขายวันพุธกับวันเสาร์ เก็บค่าจัดเก็บขยะวันละ 100 บาท ค่าเช่าขายสินค้าอีกเดือนละ 1,000 บาท โดยเปิดให้เช่าขายสินค้ามาแล้ว 7 เดือน
เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายแดน และคณะกรรมการป้องกันบุกที่สาธารณะ ระดับจังหวัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารกองบัญชาการรักษาความสงบเรียบร้อยระดับจังหวัดได้มีการประชุมหารือในการแก้ไขปัญหาประชาชนชาวไทย และชาวกัมพูชามีการบุกรุกที่สาธารณะ และเข้ายึดครองพื้นที่ความมั่นคงตามแนวชายแดนเพื่อทำการค้าขาย ใกล้กับด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ รวมถึงบริเวณที่สร้างเพิงขายสินค้า ลานปูนโครงการพัฒนาบริเวณด่านช่องจอม ให้ทำการรื้อถอนภายใน 30 วัน
เมื่อครบกำหนด 30 วันไม่ทำการรื้อถอน ทหารจึงได้สั่งให้ทำการรื้อถอนและได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่พ่อค้า แม่ค้า บริเวณตลาดนัดแห่งนี้กว่า 30 คน เนื่องจากได้พยายามที่จะขอเงินส่วนที่จัดเก็บค่าเช่าไปแล้วล็อกละ 20,000 บาทคืน เพราะบางคนจ่ายไปแล้วหลายหมื่นบาทเพื่อขอเช่าหลายล็อกด้วยกัน
นายสุชาติ แซ่ล้อ พ่อค้าขายผลไม้ ตลาดนัดช่องจอม บอกว่า เช่าที่ขายสินค้าไว้ 1 ล็อก จ่ายค่าเช่าไปแล้ว 20,000 บาท ขายสินค้ามา 7 เดือน และมาแจ้งให้เลิกขาย และสั่งรื้อล็อกที่ขายสินค้าให้เสร็จใน 3 วัน ขณะนี้ก็มีช่างมาทำการรื้อล็อกแล้ว โดยกลุ่มนายทุนที่เข้ามาสร้างล็อกให้เช่าว่าจ้างคนมารื้อ พวกตนอยากร้องขอความเห็นใจจากนายทุนที่มาสร้างเพิงให้เช่าขอคืนเงินค่าจองล็อกด้วย และขอความเห็นใจทหารได้ช่วยจัดหาที่ขายสินค้าให้พวกตนใหม่ด้วย อย่าให้ชาวบ้านเดือดร้อนเลย
เพราะหาเช้ากินค่ำ ทำไมไม่แจ้งการรื้อถอนก่อน จู่ๆ ก็มาทำการรื้อถอนไม่บอกล่วงหน้า ทำไมไม่หาพื้นที่ หรือให้พวกตนหาพื้นที่ได้ก่อนแล้วค่อยทำการรื้อถอน ขณะนี้พวกตนลำบากมาก เรื่องเงินก็ค่อยว่ากันตอนหลังได้
ขณะที่นายสำรวย บุญมา พ่อค้าขายผลไม้ บอกว่า ตนจองไว้ 1 ล็อก แต่ยังไม่ทราบว่าล็อกอยู่ที่ไหน ยังไม่ได้ขายของเลยก็สั่งให้รื้อถอนแล้ว ก็จะขอเงินค่าจองด้วย เพราะจะได้เอาไปหาที่เช่าขายสินค้าแห่งใหม่
นายอารีย์ ชูเลิศ อาชีพขายผลไม้ ก็บอกว่า ตัวเองจองล็อกไว้ขายผลไม้ 4 ล็อก เป็นเงิน 80,000 บาท ก็อยากให้นายทุนที่สร้างเพิงขายสินค้าคืนเงินให้ด้วย เพราะเรามีเอกสารใบเสร็จ รับเงินไว้เป็นหลักฐาน เวลาถามและขอเงินไปก็บอกว่าไม่รู้ และพ่อค้าแม่ค้าจะไว้ใจได้อย่างไร มาเก็บเงินเราก็ให้ พอมีปัญหาก็หนี ไม่รับผิดชอบ
ด้านนายเฮง ซาน พ่อค้าขายมะม่วง ชาวจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา บอกว่าเช่าล็อกไว้ล็อกหนึ่งข้างหน้าติดถนนเป็นเงิน 50,000 บาท หากไม่ได้ขายที่นี่ก็จะขอเงินคืน หรือให้นายทุนชาวไทยได้หาที่ขายใหม่ให้ด้วย ก็ยินดีที่จะค้าขายต่อไป เพราะเดือดร้อนหากไม่ได้เงินคืนขอให้ช่วยพวกตนด้วย
ขณะที่ผู้ประกอบการสร้างเพิงขายสินค้าก็เข้าทำการรื้อถอนอย่างต่อเนื่อง โดยแจ้งผู้สื่อข่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ดินซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ ซึ่ง อบจ.สุรินทร์ก็ขอเช่าใช้พื้นที่ และทางเราก็เช่ากับ อบจ.สุรินทร์ใช้พื้นที่อีกต่อหนึ่ง ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน ซึ่งเราไม่นิ่งนอนใจ เราจะหาทางเยียวยาดูแลพ่อค้า แม่ค้ากลุ่มนี้ เราไม่ทิ้งเขา จะหาทางเจรจากัน ส่วนเงินจะคืน หรือจะหาที่ให้เขาไปค้าขายใหม่ก็กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ส่วนพื้นที่บริเวณนี้ในอนาคตก็จะเป็นศูนย์ราชการของไทยที่จะอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เมื่อไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีหน้าที่จะถึงนี้
