น้ำใจทหารไทย! ช่วยกัมพูชาป่วยโคม่าข้ามแดน “ช่องจอม” ฉุกเฉิน เข้ารักษา รพ.รอดตาย

สุรินทร์- “ผบ.กองกำลังสุรนารี” ทภ.2 ลงพื้นที่ตรวจด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด จ.สุรินทร์ สั่งช่วยเหลือผู้ป่วยชาวกัมพูชา อายุ 60 ปี เลือดคั่งในสมองอาการโคม่าและหมดสติ ประสาน ตม.ไทยขอข้ามแดนฉุกเฉิน ส่งตัวเข้ารักษาด่วนยังฝั่งไทยที่รพ.สุรินทร์ ไกลกว่า 90 กม. เผยแพทย์ช่วยชีวิตไว้ได้ทันเวลา ญาติสุดดีใจผู้ป่วยรอดตายหวุดหวิด

วันนี้ (21 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประตูด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ได้เดินทางมาตรวจหน่วยงานต่างๆ ประจำด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และสั่งงานปรับปรุงที่ตั้งหน่วยงาน ด่านตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง ด่านศุลกากรช่องจอม ทั้งนี้ เพื่อจัดระเบียบด่านผ่านแดน ด่านศุลกากร ในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการค้า นักท่องเที่ยว รวมทั้งขยายพื้นที่การสัญจรรองรับการเจริญเติบโต การค้าขาย การท่องเที่ยว ระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ด่านผ่านแดน ถาวรช่องจอม ซึ่งมีการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

ในระหว่างที่ลงตรวจพื้นที่จุดที่ตั้งของหน่วยงานต่างๆ ใกล้กับประตูด่านผ่านแดนถาวรช่องจอมนั้น ปรากฏว่าได้มีรถพยาบาลจากจังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยโรคเลือดคั่งในสมอง อาการโคม่า จากโรงพยาบาลพระตะบองมายื่นเอกสารขออนุญาตข้ามแดนฉุกเฉินเพื่อเข้ารับการรักษายังฝั่งประเทศไทยที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นการเร่งด่วน ทราบชื่อผู้ป่วย คือ นางเอือย กิม อายุ 68 ปี ซึ่งได้ช็อกหมดสติขณะรอยื่นเอกสารผ่านแดน พยาบาลทั้งชาวกัมพูชาและชาวไทย ได้นำเครื่องช่วยหายใจเข้าช่วยเหลือและเตรียมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากรถพยาบาลโรงพยาบาลจังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา มายังรถพยาบาลของโรงพยาบาลสุรินทร์รวมแพทย์

ทางด้าน พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผบ.กกล.สุรนารี เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สั่งอนุญาตให้ผ่านแดนทันทีและให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยเข้าช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยขึ้นรถพยาบาลฉุกเฉินโรงพยาบาลสุรินทร์รวมแพทย์ พร้อมช่วยประสานหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิงให้อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยอย่างเต็มที่ ท่ามกลางความตกใจของลูกและญาติของผู้ป่วยกับอาการที่ทรุดหนัก ต่างพากันร้องเรียกชื่อแม่ขณะเคลื่อนทำการย้ายอยู่ตลอดเวลา

จากนั้นรถพยาบาลโรงพยาบาลสุรินทร์รวมแพทย์ได้นำส่งนางเอือย กิม เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ อย่างเร่งด่วนและแพทย์สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ทันเวลา แต่ยังต้องพักรักษาในห้องไอซียูและอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ป่วยถูกส่งตัวถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา แม้มีระยะทางไกลกว่า 90 กิโลเมตรนั้น สร้างความดีใจให้แก่ลูกและญาติพี่น้องของนางเอือย กิม เป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีมีคำสั่งอนุญาตให้ผ่านแดนได้อย่างทันเวลา ไม่เช่นนั้นครอบครัวคงต้องสูญเสียผู้เป็นแม่ไปอย่างแน่นอน

พร้อมกันนี้ พล.ต.สนธยาได้มีคำสั่งปรับปรุงภูมิทัศน์พร้อมขยายพื้นผิวจราจรบริเวณประตูจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม โดยให้ย้ายป้อมศุลกากรและป้อมตรวจคนเข้าเมืองที่ตั้งขวางถนนออกทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อความสวยงามและเปิดเส้นทางการจราจรให้แก่รถพยาบาลที่ส่งตัวผู้ป่วยชาวกัมพูชาเข้ามารักษายังฝั่งประเทศไทยวันละประมาณ 100 คน และรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ต้องสัญจรเข้าออกเป็นจำนวนมาก เพื่อความสะดวกปลอดภัยในการสัญจรของผู้ประกอบการค้า นักท่องเที่ยวและประชาชนทั้งสองประเทศ