ประจวบคีรีขันธ์ - อุบัติเหตุคืนเดียว 2 รายที่ อ.ปราณบุรี รายแรกเก๋งประสานงา จยย. หญิงคนขับกระเด็นไปไกลกว่า 50 เมตร ดับคาที่ อีกรายเก๋งชนเกาะกลาง รถพังยับเยินคนดับคารถ เหตุไฟทางดับ
เมื่อเวลา 21.30 น. วานนี้ (17 ต.ค.) ร.ต.ท.ประมณฑ์ ผอบเพชร ร้อยเวร สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุรถยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิตบนถนนทางหลวงชนบท หน้าร้านโกศล ห่างจากทางตัดไฟสายโรงพยาบาลปราณบุรี ประมาณ 300 เมตร หมู่ 6 ต.วังก์พง จึงไปที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี
พบรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน 1 กฆ 5882 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมถนน ด้านหน้ารถได้รับความเสียหาย ที่ฝากระโปงรถมีคราบเลือดติดอยู่ นายสิทธิเดช พู่จิตร์กานนท์ เป็นคนขับยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีส้ม สภาพพังยับเยิน มี น.ส.วิภาพร ทองโปร่ง เป็นคนขับ เสียชีวิตคาที่
สอบสวนทราบว่า นายสิทธิเดช ขับรถกลับมาจาก อ.หัวหิน กำลังมุ่งหน้ากลับเข้าบ้านพักที่ ต.ปากน้ำปราณ เมื่อมาถึง 4 แยกไฟแดงหน้าที่ว่าการอำเภอปราณบุรี ได้ขับเลี้ยวซ้ายซึ่งเป็นถนน 2 เลนวิ่งสวนกัน เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีรถกระบะวิ่งอยู่ข้างหน้า จึงขับแซงขวาออกไป พอดีมีรถจักรยานยนต์วิ่งสวนมา จึงไม่สามารถหลบได้ทันพุ่งชนเข้าอย่างจัง ทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
อีกราย เมื่อเวลา 22.30 น. ร.ต.ท.ประมณฑ์ รับแจ้งอุบติเหตุรถยนต์ชนเกาะกลางถนน บริเวณจุดกลับรถหน้าบริษัท อุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋องไทย จำกัด หมู่ 2 ต.เขาน้อย จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี
พบรถยนต์มิตซูบิชิ สีเทาดำ ทะเบียน ก 2309 ประจวบคีรีขันธ์ พลิกหงายท้องเกยอยู่กับเกาะกลางถนน ด้านหน้าพังยับเยิน ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ในรถพบร่างชายอายุประมาณ 55-60 ปี เสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมา ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 20 นาที ตรวจสอบภายในรถ และตัวผู้เสียชีวิตไม่พบหลักฐานใดๆ จึงจึงได้นำส่งโรงพยาบาลปราณบุรี
จากการตรวจสอบจากสถานที่เกิดเหตุสันนิษฐานว่า ชายคนดังกล่าวขับรถมาจากทาง อ.สามร้อยยอด มุ่งหน้า อ.หัวหิน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดกลับรถ และไฟส่องสว่างเกาะกลางดับ คาดว่าคนขับอาจจะงงกับแสงไฟของรถอีกฝั่งที่วิ่งสวนมา บวกกับเป็นจุดกลับรถจึงไม่เห็นว่ามีเกาะกลาง จึงชนกับขอบเกาะเข้าอย่างจัง
สำหรับจุดเกิดเหตุนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้จะเกิดอุบัติเหตุไม่บ่อยนัก แต่หลังจากไฟส่องสว่างเกาะกลางถนนดับมานานหลายเดือน เวลากลางคืนจะเกิดอุบัติเหตุถี่ขึ้น แต่ก็ยังไม่มีการแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนล่าสุดก็เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตอีก