บุรีรัมย์ - ผวา! วิกฤตภัยแล้งขาดน้ำอุปโภคบริโภค ชลประทานบุรีรัมย์งดปล่อยน้ำทั้ง 22 อ่างของ จ.บุรีรัมย์ ให้เกษตรกรทำนาปีและนาปรังทั้งในและนอกเขตพื้นที่บริการแล้ว หลังพบปีนี้อ่างเก็บน้ำหลายแห่งมีปริมาณกักเก็บต่ำน่าเป็นห่วง พร้อมเตรียมเรียกกรรมการผู้ใช้น้ำเข้าร่วมหารือทำแผนบริหารจัดการน้ำแก้ปัญหาด่วน
วันนี้ (16 ต.ค.) นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการชลประทานบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ทางสำนักงานโครงการชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ได้งดปล่อยน้ำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและนาปรังกว่า 266,000 ไร่ ทั้งในเขตและนอกเขตพื้นที่บริการของอ่างเก็บน้ำทั้ง 22 แห่งของ จ.บุรีรัมย์ โดยเฉพาะนาปรัง หลังพบว่าปีนี้อ่างเก็บน้ำหลายแห่งยังมีปริมาณกักเก็บต่ำ เสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตภัยแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ส่งผลสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ใช้น้ำในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากในปีนี้มีปริมาณฝนตกน้อยและไม่ตกในพื้นที่รับน้ำของอ่าง
พร้อมกันนี้ ทางสำนักงานโครงการชลประทานจังหวัดยังจะได้เรียกคณะกรรมการผู้ใช้น้ำตามหมู่บ้าน ชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่บริการเข้ามาร่วมหารือวางแผนในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้ทำนาปรังรวมถึงเกษตรกรที่ปลูกพืชฤดูแล้ง หรือพืชที่ใช้น้ำน้อยได้ลดพื้นที่การเพาะปลูกลง เพราะในบางพื้นที่ได้มีเกษตรกรขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่มขึ้น อาจทำให้น้ำที่มีอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติไม่เพียงพอในการเพาะปลูก
ทั้งนี้ คาดว่าในฤดูแล้งปีนี้จะยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา และขณะนี้ปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บทั้ง 22 แห่ง เฉลี่ย 62 เปอร์เซ็นต์ ของความจุอ่างทั้งหมด ซึ่งเป็นปริมาณที่เสี่ยงต่อการเกิดสภาวะวิกฤตภัยแล้งได้หากไม่เร่งบริหารจัดการน้ำไว้ล่วงหน้า
นายกิติกุลกล่าวอีกว่า อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบหลักสำคัญที่นำไปผลิตประปาบริการประชาชนใน 2 อำเภอ คือ อ.เมืองบุรีรัมย์ และ อ.ห้วยราช มีสถานการณ์น้ำน่าเป็นห่วงเสี่ยงต่อภาวะวิกฤต เพราะปัจจุบันมีปริมาณน้ำกักเก็บเพียง 42.66 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง 26 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) มีประชาชนผู้ใช้น้ำมากกว่า 20,000 ครัวเรือน
โดยทางชลประทานจะได้ร่วมกับสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคสูบผันน้ำมาจากลำน้ำมาศที่มีระยะทางยาวกว่า 20 กิโลเมตร มากักเก็บสำรองไว้ในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เพื่อไว้ผลิตประปาป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ ลดความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอีกทางหนึ่งในช่วงหน้าแล้งนี้ด้วย
