เตรียมเดินหน้าทุบคุกหญิงเก่าเชียงใหม่ คาดดีเดย์ พ.ย.นี้

เชียงใหม่ - เตรียมเดินหน้าทุบทัณฑสถานหญิงเก่าเชียงใหม่ พัฒนา “ข่วงหลวงเวียงแก้ว-ข่วงพระเจ้ากือนา” คาดเริ่ม พ.ย.นี้

ว่าที่ ร้อยตรี อานุภาพ เกสรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เป็นประธานประสานโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ 2 พื้นที่ คือ ข่วงหลวงเวียงแก้ว และข่วงพระเจ้ากือนา หรือพุทธมณฑลเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักศิลปากรที่ 8 นายอำเภอเมือง สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยความเป็นธรรม ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยมีพระคุณเจ้าพระเทพวรสิทธาจารย์ รองเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่มีดำริจัดสร้างคุ้มหลวงข่วงหลวงเวียงแก้ว ณ บริเวณทัณฑสถานหญิงเดิม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ซึ่งในที่ประชุมมีข้อสรุปว่าต้องทุบอาคารทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่เดิม ที่เป็นอาคารเก่าแก่ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 จากนั้นสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่จะขุดค้นหาร่องรองทางประวัติศาสตร์ โดยขุดลึกลงไปใต้ดินประมาณ 1 เมตรเพื่อหาหลักฐานหรือซากอาคารคุ้มหลวงเก่า รวมทั้งแนวกำแพงพระราชวังเดิม ซึ่งเป็นหลักฐานทางโบราณคดี หากพบจะทำการบูรณะซากอาคารเก่าเพื่อแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ จากนั้นจึงจะมีการสร้างอาคารขึ้นใหม่ โดยจะเว้นจุดที่พบพระราชวังเดิม

ว่าที่ ร้อยตรี อานุภาพ กล่าวว่า การสำรวจขุดค้นน่าจะพบรากฐานเก่า ซึ่งจะเก็บรักษาหลักฐานทุกชิ้น เพราะสามารถนำมาทำให้เห็นประวัติของสถานที่ได้ชัดเจน ในแง่ที่ว่ามีการค้าขายแลกเปลี่ยนมีรูปแบบความนิยมในการก่อสร้าง ส่วนการก่อสร้างข่วงพระเจ้ากือนา หรือพุทธมณฑลเชียงใหม่ ทางกรมฯ จะส่งแบบแปลนที่ออกแบบไว้ มีทั้งหอคำหลวง อาคารพิพิธภัณฑ์ และมีการปรับภูมิทัศน์ใหม่โดยรอบให้สวยงาม บริเวณบ้านพักผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงหลังเดิมจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปหยกเขียว และที่ว่าการอำเภอเมืองจะเป็นสถานที่จอดรถ โดยจะย้ายที่ว่าการอำเภอเมือง ไปอยู่ใกล้กับอาคารศาลปกครอง ภายในบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่

“ต้องเดินหน้าโครงการข่วงหลวงเวียงแก้ว พุทธมณฑลเชียงใหม่ต่อไป หลังการยืนยันด้านงบประมาณจากส่วนกลาง โดยกรณีงบดำเนินการข่วงหลวงเวียงแก้ว แบ่งเป็น 150 ล้านบาท ให้จังหวัดดำเนินงาน และจัดประกวดการออกแบบข่วงหลวงเวียงแก้ว ที่จะต้องจัดทำรายละเอียดให้สำนักงบประมาณ เพื่อรวบรวมเสนอรัฐบาลต่อไป ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดให้องค์กรทางพุทธศาสนาและเอกชนดำเนินการด้วย ซึ่งก็ต้องทำไปทีละขั้น ทั้งการเคลียร์พื้นที่และค้นร่องรอยเดิม

“การขุดโดยกรมศิลปากรจะใช้เครื่องจักรกลหนักเปิดหน้าดินลึก 50 เซนติเมตร จากนั้นใช้แรงงานคนในการขุดค้นทางโบราณคดี อาจจะเริ่มได้ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ต้องรอสำรวจร่องรอยเดิมก่อน”

พระคุณเจ้าพระเทพวรสิทธาจารย์กล่าวว่า การพัฒนาจะคงความสำคัญด้านประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ไว้ เพื่อเป็นการเชิดชูบูชาบูรพมหากษัตริย์ และเจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ในอดีตทุกพระองค์ พร้อมทั้งให้เป็นพิพิธภัณฑ์ สถานที่ประดิษฐานพระรูปของบูรพกษัตริย์ และเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ และจัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์แก่ประชาชน เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ให้ได้สำนึก หวงแหนชาติบ้านเมือง วัฒนธรรม ประเพณี ตระหนักในพระคุณของบูรพกษัตริย์ บรรพชนผู้สร้างบ้านเมืองมาแต่โบราณ เพื่อจะได้ร่วมกันอนุรักษ์และสืบทอดต่อไป

“นอกจากนี้จะขออนุญาตสร้างวัด บริเวณด้านนอกกำแพงคุ้มหลวง-ข่วงหลวงเวียงแก้ว ด้านตะวันออก ที่ตั้งพระแก้วหยกด้วย”