ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “บีโอไอ” เผยไตรมาส 3 พลังงานทดแทนได้รับส่งเสริม 6 โครงการ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท สอดรับปัญหาพลังงานจากปิโตรเลียมที่เหลือน้อยลง ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้แนวโน้มขยายตัวเพิ่มต่อเนื่อง จับตาอุตฯ อิเล็กทรอนิกส์-เกษตร เหตุมั่นใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
นางสาวรัตนวิมล นารี ศุกรีเขตร ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุน (บีโอไอ) ภาคที่ 3 จ.ขอนแก่น เปิดเผยภาวะส่งเสริมการลงทุนไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ว่า กิจการพลังงานทดแทนได้รับส่งเสริมการลงทุนสูงสุดถึง 6 โครงการ วงเงิน 4,392.50 ล้านบาท จ้างงาน 258 คน แยกเป็นโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะ 2 โครงการ เงินลงทุน 1,473.7 ล้านบาท
ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 79.8 ล้านบาท พลังงานลม 1,491.3 ล้านบาท พลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงชีวมวล 600 ล้านบาท และผลิตเอทานอล 747.70 ล้านบาท
สำหรับกิจการผลิตพลังงานทดแทน ถือว่าเป็นกิจการที่นักลงทุนสนใจขอรับการส่งเสริม และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอยู่ในอันดับต้นๆ เพราะเป็นกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นพิเศษ โดยไม่กำหนดสัดส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้รับยกเว้น ซึ่งสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ต้องการพลังงานทางเลือกอื่นมาทดแทนพลังงานปิโตรเลียมที่เหลือน้อยลง
นางสาวรัตนวิมลกล่าวว่า ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย จะใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิง และนำก๊าซร้อนที่ได้จากการเผาขยะไปให้ความร้อนหม้อผลิตไอน้ำ หลังจากนั้นจะส่งไอน้ำที่ได้ไปหมุนกังหันเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นขั้นตอนการผลิตที่ไม่ซับซ้อน แต่เตาเผาที่ใช้ในโครงการเผาขยะจะต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อควบคุมมลภาวะทางอากาศ โดยจะควบคุมอุณหภูมิในการเผาขยะมูลฝอย จะควบคุมสารไดออกซิน ฟูแรน และไนโตรเจนออกไซด์
โดยจะมีการบำบัดการทำปฏิกิริยาทางเคมี ด้วยการใช้ปูนขาวเพื่อกำจัดกรด การดูดซับด้วยถ่านกัมมันต์ และการใช้ถุงกรอง ซึ่งเรียกระบบนี้ว่าระบบทำความสะอาดอากาศ ก่อนจะปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ เป็นโครงการที่สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนจากขยะมูลฝอย ลดปริมาณการฝังกลบขยะที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และปัญหามลภาวะด้านสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบพื้นที่ฝังกลบ ตลอดจนปัญหาการขาดแคลนพื้นที่ที่จะใช้ฝังกลบในอนาคต การผลิตไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย นอกจากจะเป็นพลังงานทางเลือกแล้ว ยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมกับสังคมเมืองอีกด้วย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในไตรมาส 4 ของปี 2557 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดการขับเคลื่อนเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว นักลงทุนในพื้นที่ต่างมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีให้เร่งเตรียมการผลิต เพื่อรองรับกำลังซื้อที่จะมีเพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้
และจากการสอบถามสิทธิประโยชน์ในพื้นที่ รวมถึงศักยภาพการรองรับการตั้งโรงงานของนักลงทุนต่างชาติ พบว่ามีความสนใจจะยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการอิเล็กทรอนิกส์ โดยอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องยังคงเป็นอุตสาหกรรมเกษตร เพราะภาคอีสานเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบสินค้าการเกษตรที่สำคัญ
