ชูพลังงานแสงอาทิตย์เป็นทางเลือกใช้พลังงานที่สะอาดต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะกับประเทศไทยที่มีแสงแดดตลอดปี ยันลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าปกติ 20-40% ทั้งให้ความคุ้มค่าระยะยาว โดยยกตัวอย่างลูกค้าที่ติดตั้ง
สุรศักดิ์ ภัสสร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธุรกิจพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บมจ.พรีเมียร์โพรดักส์ ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมและวัสดุก่อสร้าง โดยให้บริการคำปรึกษา และออกแบบติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ที่ได้ประยุกต์นวัตกรรมจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์มมาต่อยอดธุรกิจ
“เราตระหนักถึงสถานการณ์ด้านพลังงานที่เริ่มร่อยหรอลงผนวกกับวิสัยทัศน์ของบริษัท “คิดและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” จึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่จะส่งมอบสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่สังคมผ่านการทำธุรกิจพลังงานสะอาด อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อจำหน่ายไฟให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์มากยิ่งขึ้น ผ่านการให้บริการออกแบบ ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือที่เรียกว่า ‘โซลาร์รูฟท็อป’ (Solar Rooftop) เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ในครัวเรือน"
สุรศักดิ์ กล่าวว่าปัจจุบันไม่เฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีหลายครัวเรือนทั้งบ้านพักอาศัย คอนโด อาคารสำนักงาน โรงพยาบาลฯลฯ ที่นำพลังงานแสงอาทิตย์มาประยุกต์ใช้ประโยชน์หลายรูปแบบ แต่ที่ได้รับความนิยมในวงกว้างคือการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตกระแสไฟฟ้าในรูปแบบของโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) เนื่องด้วยประเทศไทยมีสภาพอากาศที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้า เพราะแสงแดดของเรามีปริมาณความเข้มของรังสีดวงอาทิตย์ที่ดีตลอดทั้งปี รวมทั้งประโยชน์ของการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปนั้นมีหลายข้อทั้งเรื่องของการลดการพึ่งพาทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมชาติที่นำมาผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น ถ่านหิน น้ำมัน แก็สธรรมชาติ การลดมลภาวะทางอากาศอันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะเรือนกระจก นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าไฟฟ้า รวมถึงการผลิตไฟฟ้าใช้ยามเหตุเกิดฉุกเฉินต่างๆ
“โซลาร์รูฟท็อป” เป็นระบบการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นพลังงานสะอาดที่สุดในโลก (Real Clean Energy) ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ และพลังงานแสงอาทิตย์นั้นเป็นพลังงานที่ได้มาตามธรรมชาติ มีปริมาณไม่จำกัด
สำหรับลูกค้าที่ต้องการผลิตไฟฟ้าใช้เองในครัวเรือน เราเริ่มจากขั้นตอนการประเมินความเหมาะสมของอาคาร ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของอาคารของลูกค้า พื้นที่หลังคาหรือดาดฟ้าที่เหมาะสมในการติดตั้งแผงโซลาร์ การให้บริการดูแลหลังการติดตั้งและการรับประกันการติดตั้ง โดยผลประโยชน์ของลูกค้าที่จะได้รับในการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป คือช่วยลดการใช้ไฟฟ้าปกติลงได้ถึง 20% - 40% ขึ้นอยู่กับขนาดของโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ที่ติดตั้ง อีกทั้งช่วยลดความร้อนในตัวอาคารได้สูงสุดถึง 3-4 องศาเซลเซียส เพราะแผงโซลาร์เป็นเสมือนระบบหลังคา 2 ชั้น จึงช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคารซึ่งส่งผลให้ประหยัดค่าไฟของเครื่องปรับอากาศอีกทอดหนึ่ง
ที่สำคัญช่วยลดการใช้พลังงานหลักอย่างถ่านหินที่นำไปผลิตไฟฟ้า และช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมโดยช่วยลดการปล่อยก๊าซที่เป็นอันตรายต่อชั้นบรรยากาศอย่างก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของการเกิดภาวะเรือนกระจกและเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วย
เรามีตัวอย่างลูกค้าที่ให้บริการออกแบบ และติดตั้งไปแล้ว เช่น อาคารอาพาร์ทเมนท์ PC Living Mansion ซ.ลาดพร้าว 124, โรงงานบริษัทเคนยากุ (ประเทศไทย) จำกัด, อาคารสำนักงานบริษัท เซราไทย จำกัด ฯลฯ และยังมี คอนโด ,ออฟฟิศบิวดิ้ง, คอมมูนิตี้มอลล์ ที่อยู่ระหว่างการออกแบบอีกด้วย
ซึ่งคุณภาพของแผงโซลาร์สามารถใช้งานได้ถึง 25 ปีขึ้นไป มีบริการคำนวณจุดคุ้มทุนในการลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีระยะการคืนทุนให้กับผู้ติดตั้งประมาณ 7-9 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนของโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ที่ติดตั้ง โดยต้นทุนหลักในการติดตั้งนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนแผงโซลาร์หากติดตั้งจำนวนแผงมาก จำนวนของหน่วยไฟฟ้าที่ได้จะมากแปรผันตามจำนวนแผง และต้นทุนต่อหน่วยของไฟฟ้าที่ผลิตจากระบบโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ก็จะถูกลง
สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ เริ่มต้นติดตั้งขนาดเล็กสุดที่ 3 กิโลวัตต์ ซึ่งการผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 3 กิโลวัตต์นั้นเมื่อเปรียบให้เห็นภาพที่ชัดเจนคือการนำกระแสไฟฟ้ามาใช้กับหลอดไฟนีออนขนาด 32 วัตต์ จำนวนประมาณ 70 หลอดสามารถเปิดใช้ได้ตลอดวัน หรือใช้ได้กับเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 - 12,000 BTU จำนวน 2 ตัว ตลอดช่วงกลางวัน