ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ฟินิคซฯ ผู้ผลิตเยื่อกระดาษรายใหญ่ของประเทศ เครือเอสซีจี เผยตลาดเยื่อกระดาษยังต้องการไม้ยูคาลิปตัสสูงในระยะ 5 ปีข้างหน้า เฉพาะเอสซีจีเปเปอร์กว่า 2.7 ล้านตัน/ปี หนุนเกษตรกรร่วมโครงการปลูกยูคาลิปตัสป้อนโรงงานผลิต มุ่งเสริมรายได้ตลอดทั้งปี
วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ศูนย์ประชุมบริษัท ฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี เปเปอร์ พร้อมด้วยนายจุมพฏ ตัณมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม ฟอเรสทรี จำกัด ในเครือเอสซีจี ร่วมแถลงข่าว “ปลูกยูคาฯ คุ้มค่า มีอนาคต กับเอสซีจี” เพื่อเสนอภาพรวมอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ และความต้องการไม้ยูคาลิปตัส โดยมีเกษตรกรสนใจร่วมรับฟังจำนวนมาก
นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า ภาพรวมปี 2557 ตลาดไม้ยูคาลิปตัสมีมูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท ใช้ในประเทศประมาณร้อยละ 60 และส่งออกร้อยละ 40 มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 5 และตลาดยังมีความต้องการไม้สูงกว่าปริมาณที่ผลิตได้ไปอีกถึง 5 ปีข้างหน้า โดยเอสซีจี เปเปอร์ ซื้อไม้ประมาณ 2,700,000 ตันต่อปี โดยใช้ในประเทศ 2,300,000 ตันต่อปี และส่งออก 400,000 ตันต่อปี โดยมีแนวโน้มการใช้ที่สูงขึ้น
นอกจากการใช้ไม้เพื่อผลิตเยื่อกระดาษ เอสซีจี เปเปอร์ ยังมุ่งสร้างประโยชน์จากไม้ยูคาลิปตัสให้เกิดคุณค่าสูงสุด และใช้ให้ได้ทุกส่วน บริษัทจึงลงทุนและขยายกิจการไปสู่ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มมูลค่าไม้ยูคาลิปตัส
ด้านนายจุมพฏกล่าวว่า จากการวิจัยพัฒนาพันธุ์ยูคาลิปตัส ตลอดจนส่งเสริมการปลูกและรับซื้อไม้ ได้เล็งเห็นโอกาสทางการตลาดของยูคาลิปตัสที่ยังสามารถเติบโตและมีตลาดรับซื้อที่ชัดเจน จึงเสนอทางเลือกให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการมาร่วมปลูกยูคาลิปตัสกับเอสซีจี เปเปอร์ ผ่านโปรแกรมส่งเสริมการปลูก “ลงทุนน้อย ปลูกง่าย ขายได้ทั้งปี” ที่รับรองความคุ้มค่า และมีอนาคตแน่นอนจากรายได้ที่ต่อเนื่องและยั่งยืน
“เกษตรกรสามารถปลูกยูคาลิปตัสควบคู่กับพืชเศรษฐกิจอื่นเพื่อสร้างรายได้เสริมได้ด้วย โดยการลงทุนครั้งแรกกับเอสซีจี เปเปอร์ ใช้เงินลงทุนน้อย 500-2,000 บาทต่อไร่เท่านั้น ไม่ต้องใช้แรงงานคนเพื่อดูแลเท่าพืชชนิดอื่นๆ ภายใน 4 ปีสามารถตัดขายได้ต้นละ 60-80 บาท หลังจากตัดแล้วยังแตกหน่อใหม่รอบที่ 2 และ 3 ได้เอง”
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจนำไม้ยูคาลิปตัสซึ่งเป็นไม้อุตสาหกรรมมาเป็นทรัพยากรหมุนเวียนใช้ประโยชน์ได้มหาศาล ซึ่งมีมูลค่ารวมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสูงถึง 100,000 ล้านบาท ในแง่การนำมาเป็นทรัพยากรทดแทนทรัพยากรเดิมที่กำลังจะหมดไป ยูคาลิปตัสจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และช่วยสร้างความเจริญเติบโตให้แก่เศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก
สำหรับเกษตรกรที่ปลูกไม้ยูคาลิปตัสสามารถขายได้ทั้งปี โดยขายให้กับเอสซีจี เปเปอร์ ได้ทั้งต้น ทุกส่วนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ เอสซีจี เปเปอร์ ยังเพิ่มความสะดวกแก่เกษตรกรโดยสร้างเครือข่ายและเพิ่มช่องทางรับซื้อไม้ ซึ่งมีกระจายตามจุดต่างๆ มากถึง 250 จุดทั่วประเทศ ช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรไม่ต้องลำบากในการขนส่งไม้มาขาย