ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองอำเภอบ่อทอง ร่วมประชุมเครียด กรณีกลุ่มนายทุนรายใหญ่นำชาวบ้านนอกพื้นที่เข้ามาสวมสิทธิที่ดิน จำนวน 24 ราย และบุกรุกผืนป่าต้นน้ำ ปลูกต้นยูคาลิปตัส และต้นยางพารา ไปแล้วประมาณ 700 ไร่ หลังตรวจสอบพบผืนป่าเป็นที่สาธารณะบ่อทอง
วันนี้ (22 ส.ค.) พล.ต.สัมพันธ์ ชนะวรรณ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ได้สั่งการให้ พ.อ.อภิรักษ์ พรมมาฤทธิ์ ผู้บังคับกองพันสรรพกระสุนที่ 21 ร่วมกับนายสุคนธ์ สุวรรณศักดิ์สิน นายอำเภอบ่อทอง และนายศุภชัย ธาราธนวัตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อทอง ประชุมหารือเพื่อสรุปผลการทำงาน หลังลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีการออกเอกสารสิทธิปฏิรูปที่ดินทับซ้อน จำนวน 1,646 ไร่ บริเวณหมู่ 4 และ 5 บ้านทับร้าง หลังจากที่มีกลุ่มนายทุนรายใหญ่นำชาวบ้านนอกพื้นที่เข้ามาสวมสิทธิที่ดิน จำนวน 24 ราย และบุกรุกผืนป่าต้นน้ำ ปลูกต้นยูคาลิปตัส และต้นยางพารา ไปแล้วประมาณ 700 ไร่
โดยจากการสำรวจป่าพบมีสภาพถูกแผ้วถางมานานนับ 10 ปี และนายทุนยังได้อ้างเอกสารปฏิรูปที่ดินซึ่งรับรองให้ ขณะที่นายอำเภอบ่อทอง ได้เน้นย้ำให้มีตรวจสอบหลักฐานการบุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งก็พบว่า ป่าดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินหลวงเมื่อปี 2480 และออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล.ในปี 2528 และมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในปี 2542 สำนักงานปฏิรูปที่ดินมีการออกเอกสารสิทธิ โดยมีการพิจารณาผ่านคณะอนุกรรมการระดับอำเภอ และจังหวัดได้อย่างไร ทั้งที่พื้นที่ป่าสาธารณะแห่งนี้ยังเป็นแหล่งแร่ทองคำที่มีการขุดพบเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่มีการอนุญาตสัมปทานจากภาครัฐ
และสำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ พ.อ.อภิรักษ์ พรมมาฤทธิ์ ผู้บังคับกองพันสรรพกระสุนที่ 21 นายสุคนธ์ สุวรรณศักดิ์สิน นายอำเภอบ่อทอง และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ข้อสรุปว่า ในพื้นที่ที่มีการทำการเกษตร หรือพื้นที่ทำกินอยู่เดิม รัฐจะยอมให้โอกาสในการเก็บเกี่ยวผลผลิตจนเสร็จสิ้นก่อนจนหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว
แต่หลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ จะไม่มีการอนุญาตให้ผู้ที่ทำการเกษตรในพื้นที่สาธารณะได้ครอบครองพื้นที่เป็นของตนเองอีกต่อไป แต่หากไม่ยอมยกพื้นที่คืนให้เป็นสาธารณะ ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (22 ส.ค.) พล.ต.สัมพันธ์ ชนะวรรณ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ได้สั่งการให้ พ.อ.อภิรักษ์ พรมมาฤทธิ์ ผู้บังคับกองพันสรรพกระสุนที่ 21 ร่วมกับนายสุคนธ์ สุวรรณศักดิ์สิน นายอำเภอบ่อทอง และนายศุภชัย ธาราธนวัตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อทอง ประชุมหารือเพื่อสรุปผลการทำงาน หลังลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์ที่มีการออกเอกสารสิทธิปฏิรูปที่ดินทับซ้อน จำนวน 1,646 ไร่ บริเวณหมู่ 4 และ 5 บ้านทับร้าง หลังจากที่มีกลุ่มนายทุนรายใหญ่นำชาวบ้านนอกพื้นที่เข้ามาสวมสิทธิที่ดิน จำนวน 24 ราย และบุกรุกผืนป่าต้นน้ำ ปลูกต้นยูคาลิปตัส และต้นยางพารา ไปแล้วประมาณ 700 ไร่
โดยจากการสำรวจป่าพบมีสภาพถูกแผ้วถางมานานนับ 10 ปี และนายทุนยังได้อ้างเอกสารปฏิรูปที่ดินซึ่งรับรองให้ ขณะที่นายอำเภอบ่อทอง ได้เน้นย้ำให้มีตรวจสอบหลักฐานการบุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งก็พบว่า ป่าดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินหลวงเมื่อปี 2480 และออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล.ในปี 2528 และมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในปี 2542 สำนักงานปฏิรูปที่ดินมีการออกเอกสารสิทธิ โดยมีการพิจารณาผ่านคณะอนุกรรมการระดับอำเภอ และจังหวัดได้อย่างไร ทั้งที่พื้นที่ป่าสาธารณะแห่งนี้ยังเป็นแหล่งแร่ทองคำที่มีการขุดพบเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่มีการอนุญาตสัมปทานจากภาครัฐ
และสำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ พ.อ.อภิรักษ์ พรมมาฤทธิ์ ผู้บังคับกองพันสรรพกระสุนที่ 21 นายสุคนธ์ สุวรรณศักดิ์สิน นายอำเภอบ่อทอง และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ข้อสรุปว่า ในพื้นที่ที่มีการทำการเกษตร หรือพื้นที่ทำกินอยู่เดิม รัฐจะยอมให้โอกาสในการเก็บเกี่ยวผลผลิตจนเสร็จสิ้นก่อนจนหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว
แต่หลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ จะไม่มีการอนุญาตให้ผู้ที่ทำการเกษตรในพื้นที่สาธารณะได้ครอบครองพื้นที่เป็นของตนเองอีกต่อไป แต่หากไม่ยอมยกพื้นที่คืนให้เป็นสาธารณะ ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย