อุดรธานี - เครือข่ายภาคประชาชนอุดรธานีพา 3 เด็กหญิงและผู้ปกครองร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกเพื่อนบ้านวัยชราข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง แต่แจ้งความแล้วคดีไม่คืบ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี สภ.เมืองบ่ายเบี่ยงเร่งรัดคดี รองผู้ว่าฯ สั่งเร่งสอบสวนให้แล้วเสร็จด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (29 ก.ย.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี นายนวคม เสมา เลขาธิการสภาเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดอุดรธานี นำหนังสือร้องเรียนของสภาเครือข่ายฯ ที่ลงนามโดย ดร.ประจญ กิ่งมิ่งแฮ ประธานเครือข่าย พร้อมด้วยผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุ 12, 13 และ 15 ปี และผู้ปกครองที่เป็นมารดาของผู้เสียหายทั้ง 3 คน และญาติอีกจำนวนหนึ่ง มายื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือติดตามเร่งรัดคดี
หนังสือร้องเรียนระบุว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของผู้เสียหายที่เป็นเด็กเยาวชนทั้ง 3 ราย ซึ่งขอปิดชื่อและที่อยู่ของผู้ร้อง เพื่อความปลอดภัยของผู้ร้องและผู้เสียหายที่เป็นเยาวชน โดยลูกสาวของผู้ร้องเรียนทั้ง 3 คนถูกล่วงละเมิดทางเพศ มารดาทั้ง 3 รายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีผู้ต้องหาต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.เมือง มี ร.ต.อ.ชำนาญยุทธ ก้อนฆ้อง เป็นพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 เลขคดีอาญา 3819/2557 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหา และผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
ซึ่งผู้เสียหายต้องการให้มีการดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และการที่ผู้เสียหายไปร้องเรียนต่อสภาเครือข่ายเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น เนื่องจากผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะผู้เสียหายมีฐานะยากจน นอกจากนี้ก็เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะผู้ต้องหายังปรากฏตัวอยู่ที่บ้านในหมู่บ้านเดียวกัน และยังมีการคุกคามผู้เสียหายอยู่เป็นระยะ
ต่อมา นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี มารับหนังสือร้องเรียนแทนผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมกับ พ.ต.อ.จักฎ์กฤษณ์ จันทรรัตน์ รักษาการ ผกก.สภ.เมือง นายณรงค์ คงคำ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และได้มีการสอบถามผู้ปกครองและเยาวชนผู้เสียหายทั้ง 3 คน
หลังจากทราบเรื่อง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ประสานงานกับสหวิชาชีพเพื่อให้มาทำการสอบสวนปากคำเยาวชนผู้เสียหาย และแม่ของเด็กทั้ง 3 คน พร้อมกันนี้ก็ได้สั่งการให้ร.ต.อ.ชำนาญยุทธ ก้อนฆ้อง พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี มาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยถึงสาเหตุที่กลุ่มผู้เสียหายต้องร้องเรียนต่อสภาเครือข่าย เนื่องจากได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ชำนาญยุทธ ให้ดำเนินคดีต่อนายสมดี นามอาษา อายุประมาณ 79-80 ปี ข้อหาว่าข่มขืนลูกสาวของผู้ร้องเรียนทั้ง 3 คน เหตุเกิดระหว่างวันที่ 1 มีนาคมถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2557 หลายครั้ง แต่หลังจากที่ได้เรียกผู้เสียหายไปสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหานายสมดีแล้วคดีความกลับไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา
แม้พวกตนจะพยายามโทรศัพท์ติดต่อเพื่อติดตามความคืบหน้า ร.ต.อ.ชำนาญยุทธก็ไม่รับโทรศัพท์ และบางครั้งเมื่อรับโทรศัพท์แล้วก็อ้างว่าไม่ว่าง ไม่อยู่ ต้องไปทำคดีต่างท้องที่ ต้องรอหลักฐานบางอย่างจากโรงพยาบาลใน จ.ขอนแก่น ซึ่งพวกตนก็ไม่เข้าใจว่าต้องรอหลักฐานอะไร
ผู้ปกครองของผู้เสียหายเปิดเผยอีกว่า วันนี้ขณะที่รอการยื่นหนังสือร้องเรียนได้โทรศัพท์ไปยัง พ.ต.อ.ชวนชัย ชนะบัว หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมือง เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าในคดี ปรากฏว่า พ.ต.อ.ชวนชัยแจ้งผู้เสียหายว่า ทำไมจึงไม่โทรศัพท์แจ้งให้ตนเองทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พวกตนก็ถามย้อนกลับไปว่า แล้วท่านเป็นใคร พวกตนก็ไม่เคยมีเบอร์โทรศัพท์ของ พ.ต.อ.ชวนชัย หลังจากนั้นได้รับการบอกจากทางปลายสายว่าจะทำอะไรก็ทำกันเข้าไป
ข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.จักฎ์กฤษณ์ จันทรรัตน์ รักษาการ ผกก.สภ.เมือง ได้เรียกตัว ร.ต.อ.ชำนาญยุทธมาทำการสอบถามข้อเท็จจริงว่า เพราะเรื่องอย่างนี้ตำรวจซึ่งเป็นผู้ให้บริการแก่ประชาชน แต่ไม่ให้ความสะดวกแก่ประชาชนก็ต้องถูกร้องเรียน พร้อมกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนตามขั้นตอนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
พร้อมกันนี้มีรายงานว่า พ.ต.อ.จักฎ์กฤษณ์กำลังพิจารณาว่าอาจจะให้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนในคดีนี้ และอาจจะพิจารณาเพิ่มพนักงานสอบสวน เพราะมีผู้เสียหายหลายคน
ต่อมา ที่ห้องประชุมคำชะโนด ร.ต.อ.ชำนาญยุทธได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ผู้เสียหายฟังถึงรายละเอียด ต่อหน้านายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจริง และได้เรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อวันที่ 12 กันยายน จำนวน 7 ข้อหา ส่งผู้ต้องหาฝากขังผลัดที่ 1 จำนวน 12 วันไปแล้ว เข้าใจว่าผู้ต้องหาขอประกันตัวในชั้นศาล ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา และขณะนี้ก็ส่งตัวฝากขังเป็นผลัดที่ 2 แล้ว
สำหรับการสอบปากคำเยาวชนที่เป็นผู้เสียหาย จะต้องทำการสอบปากคำอย่างละเอียดต่อหน้าสหวิชาชีพ ซึ่งนายสุทธินันท์กำชับให้เเร่งสอบสวนปากคำผู้เสียให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะได้ทำการประสานงานกับสหวิชาชีพให้แล้ว