แม่พาลูกสาววัย 10 ขวบร้องสภาทนายความกรณีถูกชายวัย 61 ปีล่วงละเมิดทางเพศ ที่ศาล จ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เกรงว่าจะไม่ได้รับเป็นธรรม
วันนี้ (25 ก.ย.) นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยนายสนุทร พยัคฆ์ และนายวิเชียร ชุปไธสง ทนายที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวกรณี น.ส.ก้อย ซึ่งเป็นมารดาของ ด.ญ.โป้ง (นามสมมติ) อายุ 10 ปี ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ด.ญ.โป้งถูกล่วงละเมิดทางเพศจากนายเอ วัย 61 ปี นายเอจะให้เงินครั้งละ 50-100 บาทต่อครั้ง
นายเดชอุดมกล่าวว่า น้องโป้งถูกล่วงละเมิดทางเพศจากนายเอ วัย 61 ปี โดยได้เงินครั้งละ 50-100 บาท ต่อครั้ง ต่อมาจึงไปเเจ้งความเอาผิดต่อนายเอ จากนั้นศาลจังหวัดตะกั่วป่าไม่อนุญาตให้ประกันตัวนายเอ ต่อมาอีก 5 วัน ศาลอุทธรณ์ได้ให้ประกันตัวนายเอออกมา ในเรื่องนี้ทางสภาทนายความจะส่งทนายลงพื้นที่เพื่อหารายละเอียดของการประกันตัวต่อไป
นายเดชอุดมกล่าวอีกว่า ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน โดยความผิดที่นายเอก่อไว้นั้นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000 บาทถึง 40,000 บาท หลังจากที่แจ้งความแล้ว การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป น.ส.ก้อยต้องออกจากงานประจำ เนื่องจากหยุดงานบ่อยครั้งเพื่อเดินทางไปดำเนินเรื่องคดี ส่วน ด.ญ.โป้งต้องไปโรงเรียนแบบหวาดระแวง เด็กเกิดความหวาดกลัว เนื่องจากมีกลุ่มวัยรุ่นขับจักรยานยนต์วนเวียนอยู่หน้าบ้านตลอด จึงเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความเนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เเละไม่ปลอดภัย
นายเดชอุดมกล่าวต่อว่า ต่อจากนี้จะตั้งคณะทำงานร่วมกับส่วนภูมิภาค ช่วยเหลือด้านกฎหมายอย่างเต็มที่ พร้อมประสานงานกับหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ประกอบด้วยกรมคุ้มครองสิทธิ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หากไม่มีความคืบหน้าในคดีหรือการช่วยเหลือจะทำหนังสือไปยัง คสช. โดยทางสภาทนายความร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานข้างต้นในเรื่องของการเข้าช่วยเหลือดูแลความปลอดภัย และสวัสดิภาพของเด็กและแม่ กรณีที่ น.ส.ก้อยยังตกงาน ทั้งนี้ ทางสภาทนายความได้ให้ผู้เสียหายเดินทางมาอยู่ในความดูแลของสภาทนายความที่กรุงเทพฯ ในระหว่างที่รอการรวบรวมหลักฐานและผลการพิสูจน์เพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม สภาทนายความจะยกเคสคดีนี้ทำเป็นคดีตัวอย่างเพื่อให้รัฐบาลเข้ามาดูแลคุ้มครองในเรื่องนี้มากขึ้น