บุรีรัมย์ - นกกระเรียนพันธุ์ไทยที่เคยสูญพันธุ์ไปจากป่าประเทศไทย นำมาเพาะเลี้ยงในพื้นที่ชุ่มน้ำบุรีรัมย์ เพื่อแพร่ขยายพันธุ์ ได้ฟักไข่ให้กำเนิดลูกน้อยตัวที่ 2 สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ให้ใช้ชีวิตกับพ่อแม่จนครบ 1 ปี ก่อนปล่อยใช้ชีวิต และหากินตามธรรมชาติ
วันนี้ (28 ก.ย.) นกกระเรียนพันธุ์ไทยเพศผู้ และเพศเมีย อายุ 8-9 ปี ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 1 ใน 15 ชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย ที่ทางองค์การสวนสัตว์นครราชสีมา ได้นำมาเพาะเลี้ยงเพื่อให้ผสมพันธุ์ และวางไข่ตามธรรมชาติ ในกรงเลี้ยงบริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าชั่วคราวห้วยแสงเหนือ ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ 1 ใน 6 แห่งของประเทศ เพื่อให้แพร่ขยายพันธุ์ จำนวน 2 คู่ ล่าสุด 1 คู่ ได้ฟักไข่ให้กำเนิดลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทยเป็นตัวที่ 2 แล้ว มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง
จากที่ก่อนหน้านี้ นกกระเรียนพันธุ์ไทยที่นำมาทดลองเพาะเลี้ยง และปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ในโครงการแรกเมื่อปี 2552-2555 ได้ให้กำเนิดลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทย และปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไปแล้ว 1 ตัว
โดยลูกนกกระเรียนตัวล่าสุดดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะไม่แยกอนุบาล แต่จะปล่อยให้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ในกรงเลี้ยง จนถึงอายุ 1 ปี หรือสภาพร่างกายเหมาะสมสามารถระวังภัยให้แก่ตัวเองได้ ก็จะนำไปปล่อยให้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำต่อไป
นายชัยพร ทับทิมทอง หัวหน้าเขตห้ามล่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า การนำนกกระเรียนพันธุ์ไทยมาเพาะเลี้ยงเพื่อให้ผสมพันธุ์ และวางไข่ตามธรรมชาติในครั้งนี้ เป็นโครงการต่อเนื่องในการปล่อยนกกระเรียนคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งการให้กำเนิดลูกนกดังกล่าวถือเป็นความสำเร็จในการแพร่ขยายพันธุ์นกกระเรียน ไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากป่าประเทศไทยเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ ยังได้ขอความร่วมมือประชาชน หรือผู้พบเห็นอย่าได้ล่า หรือทำร้าย ให้ช่วยกันอนุรักษ์ไม่ให้สูญพันธุ์ แต่หากพบผู้ใดล่า หรือทำร้ายจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ เพราะนกกระเรียนเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง