เชียงราย - น้ำท่วมตลาดสายลมจอย แม่สาย เข้าสู่ภาวะปกติ เทศบาลร่วมกับพ่อค้าแม่ค้าช่วยกันทำความสะอาด และเก็บดินโคลนที่สะสมออกทิ้งเป็นจำนวนมาก คาดพรุ่งนี้เปิดตลาดได้ตามปกติ พร้อมเตรียมเสนอรื้อสะพาน และสร้างใหม่ให้นายกฯ พิจารณา
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (20 ก.ย.) สถานการณ์ลำน้ำสายท่วมชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย เชื่อมกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า พบว่า ระดับน้ำได้ลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติแต่ยังคงมีฝนตกหนักทางตอนบนของลำน้ำสายในเขตประเทศพม่า ตรงกันข้าม อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน แต่ไม่ได้ทำให้ระดับน้ำที่ผ่านชุมชนแม่สาย และท่าขี้เหล็กล้นฝั่ง
ทำให้นายสมชัย รุ่งสาคร นายอำเภอแม่สาย นายสาคร สุริยะโชติ รองนายกเทศมนตรี ต.แม่สาย นำกำลังเจ้าหน้าที่เทศบาล ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ฯลฯ นำรถแทรกเตอร์ และกำลังพลเข้าขุดตักดินโคลนที่ติดอยู่ตามตลาดสายลมจอย เลาะฝั่งลำน้ำสายตลอดทั้งวัน ซึ่งพบว่าดินโคลนมีตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก และทะลักเข้าสู่ร้านค้าต่างๆ รวมทั้งมีปริมาณคงค้างมากบนถนน ทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านต้องออกมาขุดตัก และนำใส่รถบรรทุกไปทิ้งตลอดทั้งวัน
ขณะที่ในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก พบว่า ทางผู้บังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก และผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ออกมาขุดตักดินโคลน และทำความสะอาดตลาดชายแดนเหมือนฝั่งไทยเช่นกัน ทำให้ตลาดชายแดนซบเซาลง มีแต่พ่อค้าแม่ค้าชายแดนที่นำสินค้าที่คงค้างเหลืออยู่ออกมาจำหน่ายในราคาถูก โดยเฉพาะเสื้อผ้าลดราคาลงเหลือเพียงตัวละ 100 บาทเท่านั้น ซึ่งพบว่า มีประชาชนที่สนใจสินค้าราคาถูกพากันไปหาซื้อกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางสภาพพื้นที่ที่เฉอะแฉะไปด้วยดินโคลนก่อนการทำความสะอาด
นางพัชรินทร์ พรหมเทพ เจ้าของร้านบัวเรียวเจมส์ ในตลาดสายลมจอย กล่าวว่า ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าชายแดนผืนละ 100-180 บาท หรือถ้าอย่างดีก็ระดับพันบาท ปรากฏว่า น้ำได้เข้าท่วมอย่างรวดเร็ว และสูงกว่า 1 เมตร แต่เนื่องจากได้รับการแจ้งเตือน และมีประสบการณ์จากครั้งก่อนจึงขนของไปไว้ที่สูงได้ทัน แต่ก็มีบางส่วนถูกจมน้ำ และบางส่วนที่เก็บไว้แล้วตกหล่นลงในน้ำทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งปรากฏการณ์น้ำท่วมสูง และเกิดขึ้นบ่อยครั้งเช่นนี้ไม่เคยพบเจอมาก่อน
นางแสงเงิน วงศ์หล้า แม่ค้าร้านจำหน่ายขนมชายแดน กล่าวว่า ช่วงน้ำท่วมขนมที่เสียหายไม่สามารถนำมาทำความสะอาด หรือใช้งานได้ จึงต้องทิ้งทั้งหมดทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันโดยถ้วนหน้า แต่ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งทหาร และพลเรือนต่างระดมกำลังกันช่วงเหลือตั้งแต่ช่วงแรกทำให้ความเสียหายลดลง
ด้านนายสมชัย นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่า หลังจากนำดินโคลนออกมาไปแล้วจะมีการฉีดพ่นน้ำเพื่อร่วมกันทำความสะอาดครั้งใหญ่ใน 1-2 วันนี้ คาดว่าวันอาทิตย์ที่ 21-22 ก.ย.นี้ ก็จะสามารถเปิดตลาดให้บริการประชาชน และนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวชายแดน และหาซื้อสินค้าได้ตามปกติ ซึ่งสินค้าที่วางจำหน่ายยืนยันว่าเป็นสินค้าใหม่ที่มีคุณภาพดี เพราะครั้งนี้พ่อค้าแม่ค้าได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้ามาก่อน และมีประสบการณ์จากการท่วมหนักเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงสามารถเก็บข้าวของหนีน้ำกันได้ทัน
สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาว ได้มีการหารือกับทางผู้บังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็กในการติดตั้งเครื่องตรวจวัดระดับลำน้ำสายในพม่าเพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ได้ก่อน 2 ชั่วโมงที่น้ำจะมาถึงแล้ว และมีการออกแบบเพื่อสร้างสะพาน โดยกรมทางหลวง เพื่อให้มีสะพานที่ระบายน้ำได้ดีขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสะพานข้ามลำน้ำสายก็ชำรุดมาก ใช้งานมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มีสภาพที่กั้นวัชพืช และเศษไม้ช่วงน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังจะมีการออกแบบสร้างพนังกั้นตลิ่งพังโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองด้วย
กระนั้น ทั้ง 2 เรื่องสุดท้ายอยู่ระหว่างการออกแบบ โดย 2 หน่วยงานดังกล่าวจากนั้นจะต้องนำหารือกับทางการพม่าเพื่อขอดูแบบแปลนร่วมกันต่อไป นอกจากนี้ กรณีของการสร้างสะพานแห่งใหม่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาเป็น 2 แนวทางคือ สร้างใหม่ทั้งหมดซึ่งต้องออกแบบและปรับงบประมาณกันใหม่ และอีกแนวทางคือ ซ่อมแซมของเดิมโดยใช้งบประมาณ 14 ล้านบาท โดยทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือน จ.เชียงราย ในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งจะมีการนำเสนอให้รัฐบาลได้พิจารณาต่อไป
ด้านนายสาคร สุริยะโชติ รองนายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย กล่าวว่า หากจะมีการซ่อมสะพานใหม่ก็อาจไม่ได้ผล เพราะสะพานเก่าแก่มากคงจะซ่อมแซมไม่ได้ การสร้างใหม่จึงเป็นแนวทางที่ตนเห็นว่าถูกต้องที่สุด กระนั้นเนื่องจากเป็นสะพานระหว่างประเทศจึงคงต้องหารือเพื่อตกลงกันให้ได้ทุกฝ่าย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในปัจจุบันสะพานเชื่อม อ.แม่สาย กับ จ.ท่าขี้เหล็ก มี 2 แห่งคือ แห่งที่ 1 ซึ่งเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ดังกล่าว และแห่งที่ 2 ใช้เพื่อการค้า โดยแห่งที่ 1 ยังมีสินค้าที่ขนส่งด้วยรถเล็กผ่านเข้าออกอยู่ โดยทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีการจัดเก็บภาษีเพื่อนำเข้าสู่รัฐฉานในอัตราประมาณ 3% แต่ไม่อัตราไม่ตายตัว ส่วนสะพานแห่งที่ 2 เป็นการจัดเก็บอัตราภาษีเพื่อนำเข้าสู่รัฐบาลกลางของพม่า ที่กรุงเนปิดอ
