xs
xsm
sm
md
lg

"แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก"อ่วม น้ำทะลักท่วม2ฝั่งกลางดึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม่น้ำสายเอ่อล้นตลิ่งท่วม "แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก" กลางดึกชาวบ้าน-พ่อค้าแม่ค้าสองฝั่งประเทศทั้งไทย-พม่าต้องตื่นมาขนข้าวของหนีน้ำกันโกลาหลตั้งแต่ตี 3 แถมฝนยังตกไม่หยุด จนท.ทั้ง 2 ประเทศระดมกำลังเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน พร้อมระดมตั้งโรงทาน-ขนน้ำดื่มแจกทั้งวัน เผยคราวนี้หนักสุดรอบ 4 ปี ด้าน ปภ.เผยน้ำท่วม "ปราจีน-ระนอง" คลี่คลายแล้ว ส่วนสุโขทัย-พิจิตร-พิษณุโลก ระดับน้ำเริ่มลด

เมื่อเวลา 03.00 น.วานนี้ (18 ก.ย.) แม่น้ำสายที่กั้นพรมแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย กับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ได้เอ่อล้นฝั่งท่วมทั้ง 2 ฝั่งประเทศโดยระดับน้ำค่อยๆ สูงขึ้นจนเกิน 3-4 เมตรบริเวณคอสะพานข้ามลำน้ำก่อนจะล้นฝั่งเข้าท่วมบริเวณชุมชุน ร้านค้า และบ้านเรือนใกล้สะพานตลอดแนวทำให้พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่อาศัยอยู่ชุมชนชายแดนพากันขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันอย่างโกลาหล ซึ่งหนักกว่าเหตุน้ำท่วมเมื่อ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดขึ้นช่วงเวลากลางดึก ซึ่งส่วนใหญ่กำลังนอนหลับกันอยู่ และการขนย้ายเป็นไปด้วยความยากลำบาก

สำหรับน้ำท่วมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 17 ก.ย.ต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทะลักเข้าท่วมตั้งแต่ชุมชนใกล้วัดถ้ำผาจม ตลาดสายลมจอย คอสะพานลำน้ำสาย ชุมชนไม้ลุงขน ชุมชนเหมืองแดง ชุมชนเกาะทราย ฯลฯ ลึกตั้งแต่ 30 ซม.ถึง 1 เมตร

ส่วนฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก พบว่า ก็ถูกน้ำท่วมอย่างหนักเช่นกันเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ต่ำกว่า กระแสน้ำได้เข้าท่วมชั้นล่าง และลานจอดรถของศูนย์การค้าปลอดภาษีใกล้สะพานข้ามแม่น้ำสาย-ตลาดท่าล้อ ซึ่งเป็นตลาดชายแดนสำคัญของท่าขี้เหล็กเกือบทั้งหมด ร้านค้าต่างๆ ต้องปิดให้บริการไปโดยปริยาย พ่อค้า-แม่ค้าต่างพากันขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันอย่างฉุกละหุก

นอกจากนี้ ในช่วงเช้ายังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และมีเมฆหนาทึบ ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำสายสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงขอบสะพาน จนวัชพืช และตอไม้ที่ไหลมากับน้ำติดค้างตรงสะพานเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ทั้งฝั่งไทยและพม่าต่างระดมกำลังกันออกมาตรวจสอบ

พร้อมกับนำรถแบ๊กโฮของเทศบาลตำบลแม่สาย ตักวัชพืช ตอไม้ออกจากสะพาน และระดมกำลังทั้งเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ฝ่ายปกครอง ทหาร ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง นำเรือท้องแบนและรถยนต์ออกช่วยเหลือชาวบ้าน และห้างร้านตามแนวชายแดนขนย้ายข้าวของไปไว้บนที่สูงกันอย่างโกลาหล

นอกจากนี้ ทางเทศบาลตำบลแม่สาย ยังได้ร่วมกับชุมชนที่เดือดร้อน คือ ชุมชนสายลมจอย ชุมชนไม้ลุงขน ชุมชนเหมืองแดง และชุมชนเกาะทราย ตั้งโรงทานเพื่อปรุงอาหาร รวบรวมน้ำดื่ม จากนั้นประสาน ฉก.ม.3 และตำรวจ ใช้รถบรรทุกอาหารและน้ำดื่มออกไปแจกจ่ายประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เนื่องจากระบบประปาไม่สามารถจ่ายน้ำให้แก่ประชาชนตามชุมชนริมฝั่งได้ ทำให้เดือดร้อนอย่างหนัก

**เผยน้่ำท่วมแม่สายหนักสุดในรอบ4ปี

ขณะที่นายสมชัย รุ่งสาคร นายอำเภอแม่สาย พ.อ.ยงยุทธ เหล่าเขตร์การ ผบ.ฉก.ม.3 อูเต็ท วินซ่วย ผู้ว่าการจังหวัดท่าขี้เหล็ก ได้ออกเยี่ยมประชาชนที่เดือดร้อนในฝั่งประเทศของตน รวมถึงบริเวณสะพานข้ามลำน้ำสาย ซึ่งเชื่อมระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งได้ประกาศปิดให้บริการรถยนต์เข้า-ออกชายแดนชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยแต่ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงเดินทางไปมาได้ตามปกติอยู่

นายไศลยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย กล่าวว่า น้ำท่วมครั้งนี้สูงกว่า 6 ก.ย.ประมาณ 30 เซนติเมตร ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อบรรเทาปัญหาได้เลย เพราะเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ ทำได้เพียงช่วยเหลือประชาชน และกั้นน้ำตามริมฝั่ง แต่ก็มีปัญหา โดยเฉพาะคนที่อยู่ริมฝั่งซึ่งมักจะหวงพื้นที่ ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำพนังกั้นน้ำให้ เทศบาลฯ จึงทำได้แค่การเตือนภัย ซึ่งครั้งนี้ได้เตือนก่อนฝนตกตั้งแต่เย็นวันที่ 17 ก.ย.แล้ว

อย่างไรก็ตาม น่าเห็นใจประชาชน เพราะน้ำท่วมใหญ่ปีนี้รุนแรงที่สุดในรอบ 4 ปี อีกทั้งปกติจะเกิดครั้งเดียว แต่ครั้งนี้เกิดน้ำท่วมหลายรอบ และยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เพราะต้นลำน้ำสายอยู่ในฝั่งพม่า ซึ่งต้องดูว่ายังมีฝนตกอยู่หรือไม่ด้วย

ด้านอูเต็ท วินซ่วย ผู้ว่าการจังหวัดท่าขี้เหล็ก กล่าวว่า น้ำท่วมเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ประชาชนไม่ได้ทันตั้งตัว ครั้งนี้ยังถือว่าเบากว่าครั้งก่อน เพราะไม่มีโคลนและเตรียมตัวกันได้ทัน กล่าวคือพอมีฝนตกผู้คนส่วนใหญ่ก็พากันขนย้ายข้าวของทันที

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงได้เพิ่มสูงขึ้นและท่วมบ้านเรือนบางส่วนที่บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน ซึ่งเป็นที่ลุ่ม และมักจะประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำช่วงฤดูน้ำหลาก ขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กบ้านใหม่เจริญ ต.ริมโขง อ.เชียงของ ก็เอ่อล้นและรั่วจนทำให้น้ำทะลักออกมาจากอ่างเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรหมู่ 2 และ 4 ต.ริมโขง สะพานเชื่อมบ้านดอน หมู่ 3 ชำรุดเสียหาย

**ปภ.เผย"ปราจีน-ระนอง"คลี่คลายแล้ว

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากภาวะฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงวันที่ 15-17 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัย 2 จังหวัด ได้แก่ปราจีนบุรี และระนอง รวม 3 อำเภอ โดย จ.ปราจีนบุรี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ ต.โคกไม้ลาย อ.เมืองปราจีนบุรี ประชาชนได้รับผลกระทบ 200 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง หากไม่มีฝนตกเพิ่มเติมคาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันนี้

ส่วน จ.ระนอง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอได้แก่ อ.เมืองระนอง และอ.ละอุ่น ซึ่ง อ.เมืองระนอง น้ำได้ท่วมขังพื้นที่ชุมชนและถนนหลายสายในเขตเทศบาลเมืองระนองบางจุดระดับน้ำสูงประมาณ 0.50 เมตร ส่วน อ.ละอุ่น น้ำท่วมใน 2 ตำบล ได้แก่ ต.ละอุ่นใต้ และต.ในวงใต้ ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.ถึงปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 3 จังหวัด 5 อำเภอ 17 ตำบล 103 หมู่บ้านได้แก่ จ.สุโขทัย พิจิตร และพิษณุโลก สถานการณ์ในภาพรวมระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น จนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ใน 2 อำเภอได้แก่ อ.เสนา และ อ.ผักไห่ รวม 8 ตำบล 50 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,062 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง

สำนักงาน ปภ.จังหวัดที่ประสบภัยได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตรวจสอบความเสียหาย ตลอดจนซ่อมแซมสาธารณูปโภคและสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น