สื่อจี้เมืองพัทยา ตอบปัญหาคอนโดฯ ยักษ์ผิดข้อกฎหมายควบคุมอาคารหรือไม่

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สื่อจี้เมืองพัทยา ตอบปัญหาคอนโดฯ ยักษ์ ถกข้อกฎหมายควบคุมอาคาร ตั้งข้อสงสัยเขตทางหน้าโครงการไม่ได้ระยะการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ ด้านเมืองพัทยา ชี้โครงการใช้แนวถนนสาย 3 ที่มีความกว้างเป็นเกณฑ์อนุญาตผ่านตามหลักเกณฑ์กฎหมายถูกต้อง ขณะที่การตัดสิทธิการอนุญาตก่อสร้างหลังพบก่อสร้างผิดแบบ ต้องส่งเรื่อง กก.ส่วนควบคุมอาคาร สำนักโยธาธิการตีความ เพราะอาจถูกฟ้องร้องจากภาคเอกชนได้

วันนี้ (13 ก.ย.) นายญัตติพงศ์ อินทรัตน์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมอาคาร สำนักการช่างเมืองพัทยา ได้ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นปัญหาการก่อสร้างคอนโดมิเนียม WaterFront Suite&Resident โดยเฉพาะปัญหาทางข้อกฎหมายตามกฎกระทรวง ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ตามกฎหมายพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถสร้างอาคารสูงขนาดใหญ่พิเศษได้

เนื่องจากแนวถนนสาธารณะหน้าโครงการบริเวณลานจอดเรือมีความกว้างของถนนไม่ถึง 10 เมตร ซึ่งตามกฎหมายระบุว่า ที่ดินที่ใช่เป็นที่ตั้งอาคารสูงพิเศษที่มีอาคารรวมกันทุกชั้นมากกว่า 30,000 ตารางเมตร ต้องมีด้านหนึ่งด้านใดของที่ดินนั้นยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ที่ติดกับถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม้น้อยกว่า 18 เมตร ว่า โครงการดังกล่าว ปัจจุบันเมืองพัทยา มีคำสั่งระงับ และยังไม่อนุญาตให้ผู้รับเหมาเข้าไปทำการก่อสร้างได้ เนื่องจากทำผิดเงื่อนไขการก่อสร้างที่ผิดจากแบบที่ขออนุญาตจาก สผ. คือ เรื่องของลิฟต์โดยสาร และบันไดหนีไฟที่ผิดตำแหน่ง

ซึ่งทางโครงการได้ยื่นหนังสือขอปรับปรุงแบบไปยังสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมเพื่อตรวจสอบ และให้ความเห็นว่าจะเห็นชอบให้มีการปรับปรุงหรือไม่แล้ว ก่อนนำเรื่องกลับมาขออนุญาตก่อสร้างต่อไปจากเมืองพัทยา ซึ่งปัจจุบันกำลังรอการพิจารณาอยู่

ส่วนประเด็นเรื่องข้อกฎหมายเกี่ยวกับแนวถนนสาธารณะหน้าโครงการที่ต้องมีเขตทางไม่น้อยกว่า 18 เมตรนั้น กรณีดังกล่าวทางโครงการใช้หลักเกณฑ์การขออนุญาตโดยให้ดูจากถนนพัทยาสายสามเป็นหลัก ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นถนนที่ก่อสร้างโดยกรมโยธาธิการมาเป็นเวลานานก่อนการก่อสร้างโครงการที่ต่อมายกให้เมืองพัทยาเป็นผู้ดูแล

และจากการตรวจสอบเขตพบว่า มีขนาดความกว้างกว่า 30 เมตร จึงถือว่าไม่ผิด เพราะตามกฎหมายแล้วสามารถใช้ก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษได้ หากมีพื้นที่ดินติดกับด้านหนึ่งด้านใดติดกับถนนสาธารณะที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร แต่ส่วนใหญ่คนมักมองที่ถนนบริเวณท่าเทียบเรือที่ต่อเชื่อมกันซึ่งมีเขตทางเพียง 10 เมตรเท่านั้น

“ที่จริงแล้วถนนเส้นนี้ก็เป็นถนนเส้นใหม่ที่จัดทำเพื่ออำนวยความสะดวกในการลากจูงเรือบริเวณลานจอดเท่านั้น แต่ที่ผ่านมา มีการต่อเชื่อมไปยังถนนบริเวณหน้าแหลมบาลีฮาย และขึ้นไปสู่เขาพระตำหนัก จึงเริ่มกลายเป็นถนนสาธารณะไปโดยปริยาย เมื่อมีประชาชนใช้เป็นเส้นทางการคมนาคมมากขึ้น”

นายญัตติพงศ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีที่มีการซักถามถึงการก่อสร้างผิดจากแบบที่ขออนุญาต และเมืองพัทยาไปตรวจพบก่อนออกคำสั่งระงับนั้นจะมีการสิทธิในการตัดสิทธิการต่อใบอนุญาตการก่อสร้างได้หรือไม่ กรณีดังกล่าวพบว่า ที่ผ่านมาทางโครงการได้ยื่นหนังสือขอปรับปรุงแบบต่อเมืองพัทยา และก่อนจะหมดอายุการอนุญาตในวันที่ 6 กันยายน จึงทำได้เพียงการสั่งระงับรอผลการพิจารณาจาก สผ.

ส่วนที่ว่ามีการก่อสร้างผิดแบบแล้วเมืองพัทยาจะตัดสิทธิการให้อนุญาตนั้น ปัจจุบันเมืองพัทยาได้ทำหนังสือไปยังคณะกรรมการส่วนควบคุมอาคาร กรมโยธาธิการ เพื่อสอบถามข้อกฎหมาย เนื่องจากถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหากไม่มีความรอบคอบก็อาจมีเรื่องของการฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาลได้