เชียงราย - พ่อค้าแม่ขายชายแดนแม่สาย นำสินค้าทั้งที่ถูกน้ำท่วม และขนหนีน้ำได้ทัน เลหลังขายราคาต่ำกว่าทุน แก้วิกฤตหลังเจอน้ำโคลนทะลักท่วมหนักสุดในชั่วอายุคน ขณะที่ตลาดชายแดนฝั่งท่าขี้เหล็กยังไม่ฟื้น
วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชน และผู้ประกอบการร้านค้าชายแดนไทย-พม่า ทั้งฝั่งอ.แม่สาย จ.เชียงราย และตลาดท่าล้อ จ.ท่าขี้เหล็ก ของพม่า ยังคงทำความสะอาดบ้านเรือน และร้านค้าของตัวเองตลอดทั้งวันติดต่อกันเป็นวันที่ 2 แล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมได้ เพราะดินโคลนที่ไหลมากับน้ำจำนวนมากเกาะติดตามอาคารจนแข็งตัว
ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าต่างนำสินค้าที่พอจะขนหนีน้ำได้ทัน หรือบางส่วนจมน้ำไปแล้ว ออกมาจำหน่ายในราคาต่ำเพื่อเอาทุนคืน ส่วนร้านรวงฝั่งตลาดท่าล้อ จ.ท่าขี้เหล็ก ยังไม่เปิดให้บริการ เพราะเกือบทั้งหมดได้รับความเสียหาย ทำให้ต้องระดมกำลังทั้งประชาชน และน่วยกู้ภัย รวมถึงทหารเข้าเก็บข้าวของ ฉีดพ่นน้ำทำความสะอาดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
นางปิ่นคำ แก่นจง เจ้าของร้านจำหน่ายของเล่นในตลาดสายลมจอย กล่าวว่า ตามปกติของเล่นพลาสติกที่มีกลไก เช่น เฮลิคอปเตอร์ รถยนต์ ที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน จะมีราคาตั้งแต่ชิ้นละ 200-300 บาท หลังน้ำท่วมจึงนำออกมาขายราคาถูกเพื่อให้ได้ทุนคืนบ้าง โดยขายชิ้นละ 50 บาท ส่วนกระเป๋า และเสื้อผ้าที่เคยจำหน่ายชิ้นละ 150-200 บาท ลดราคา 80% เหลือ 50 บาทเช่นกัน ซึ่งหวังว่าจะฟื้นฟูกิจการได้บ้าง
ด้าน นายบุญธรรม ทิพย์ประสงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า น้ำท่วมครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบชั่วอายุคนเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่ตนอยู่ที่แม่สายไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ครั้งเลวร้ายที่สุดปี 2549 ร้านของตนถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร แต่เสียหายไม่มาก แต่ครั้งนี้น้ำลึกกว่า 2 เมตร ชั้นล่างจมมิดทั้งหมด และมีโคลนตมจำนวนมหาศาลเข้ามาเกาะติดทุกจุดที่น้ำท่วมถึง ทำความสะอาดยากมาก เพราะเป็นโคลนดินที่แห้งเร็ว คาดว่าเกิดจากการสะสมบนภูเขามานานนับ 10 ปี ก่อนจะทะลักลงมา เพราะเป็นน้ำป่าในพม่า
“ปกติการค้าขายชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย กับ จ.ท่าขี้เหล็ก มูลค่า 300-500 ล้านบาทต่อวัน แต่ตอนนี้ยังเปิดร้านไม่ได้ ทำให้เงินหมุนเวียนหายไปหมด ยังไม่รวมความลำบากที่ต้องเจอ เช่น ประปาใช้การไม่ได้เป็นเวลา 1-2 วัน หวังว่าจะมีการเร่งฟื้นฟูกันโดยเร็ว ส่วนการแก้ไขคงลำบาก เพราะต้นลำน้ำสายอยู่ในเขตประเทศพม่า”
