ศูนย์ข่าวศรีราชา – แม่หญิงสาวถูกสามีฆ่าด้วยการใช้หมอนอุดหน้าจนขาดอากาศหายใจ ระบุลูกเขยโทรศัพท์เรียกลูกสาวบินด่วนมาหา อ้างให้มารับเงินส่วนแบ่ง 5 ล้านแต่สุดท้ายกลายเป็นศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งว่าพบศพ นางสาวอัจฉรา โคคุโบะ อายุ 28 ปี ชาว จังหวัดพะเยา ซึ่งถูกสามีคือ นายอดุลย์ หรือตี๋ ไม่ทราบนามสกุล อาชีพพนักงานบริษัททัวร์แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ลงมือฆ่า โดยใช้หมอนอุดหน้าจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิตภายในห้องพักหมายเลข 10 ตึกเอ พัชชาวรรณเพลส เลขที่ 1/15 ซอยสุขุมวิท-พัทยา 32 หมู่ 6 ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ก่อนส่งข้อความทางไลน์ไปบอกแม่ยายว่าได้สังหารเมียของตัวเองและจะเข้ามอบตัวกับตำรวจที่จังหวัดนครราชสีมา เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 กันยายน 2557 แต่ขณะนี้ยังไร้วี่แววการมอบตัว โดยสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากเรื่องชู้สาวนั้น
วันนี้ ( 6 ก.ย.) นายบุญธรรม ค้าสม อายุ 59 ปี พร้อมด้วยนางจำลอง ค้าสม อายุ 57 ปี พ่อและแม่ของนางสาวอัจฉรา โคคุโบะ และบรรดาญาติๆ ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้าสลด ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.ท.นครราช นนสีลาด พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
นายสรายุทธ ค้าสม พี่ชายของผู้ตายให้การกับตำรวจว่า นายอดุลย์ หรือตี๋ มีชื่อจริงว่า ศุภชัย ลิ้มศิริ อายุ 34 ปี โดยตนเพิ่งว่าเจ้าตัวได้ปลอมแปลงบัตรประชาชน ด้วยการนำรูปถ่ายของตัวเองมาสวมชื่อเป็นนายอดุลย์ วิชัยโน ซึ่งเป็นพี่ชายของนายนพคุณ วิชัยโน อายุ 38 ปี น้องเขยของตน ซึ่งปัจจุบันนายอดุลย์ ได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน ตนและนายศุภชัย หรือตี๋ เคยทำงานอยู่ด้วยกันที่บริษัท อินโดแบ็งค็อกซีน จำกัด บริษัททัวร์อินเดีย และยังรับจัดหาสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์อินเดียในเมืองพัทยา และนายศุภชัย มีตำแหน่ง โปรดั๊กชั่นฝ่ายหาโลเกชั่น
กระทั่งมารู้จักกับน้องสาวของตน ที่ทำงานในห้างสรรพสินค้า และอยู่กินฉันท์สามี-ภรรยาแต่จนมีลูกชายวัย 3 ขวบ 1 คน จากนั้นน้องสาวได้กลับไปเลี้ยงลูกที่บ้านเกิดในจังหวัดพะเยา ขณะที่นายศุภชัย ยังคงทำงานอยู่ที่เมืองพัทยา ส่วนตนได้ย้ายไปทำงานอยู่ที่จังหวัดนครนายก ซึ่งตลอดระยะเวลาที่คบหากัน นายศุภชัย และน้องสาวรักใคร่กันดี แต่น้องเขยกลับไม่เคยพาไปรู้จักกับครอบครัวสักครั้ง จนวันเกิดเหตุมารดาได้โทรศัพท์มาบอกให้ไปดูน้องสาวที่ห้องพัก เพราะไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนที่ทำงานอยู่ในเมืองพัทยา ให้ช่วยไปดู จนมาพบน้องสาวกลายเป็นศพดังกล่าว
ด้าน นางจำลอง ค้าสม มารดาผู้ตายเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้นายศุภชัย ลูกเขย ได้โทรศัพท์มาบอกให้ลูกสาวนำสมุดบัญชีธนาคารมาที่เมืองพัทยา เพื่อเซ็นชื่อรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนแบ่งจากการที่แม่เลี้ยงของนายศุภชัย ได้ขายธุรกิจเรือสปีดโบ๊ตของผู้เป็นบิดาแท้ๆ ที่ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว ลูกสาวจึงรีบนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนนั่งรถทัวร์มาถึงห้องพักของสามีเมื่อค่ำวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา
ในคืนวันเดียวกัน “น้องโตโต้” ลูกชายของทั้งคู่ได้โทรศัพท์ไปหาแล้วขอคุยกับแม่ แตากลับกถูกนายศุภชัย ตัดสายทิ้งคล้ายกับว่าทั้งสองกำลังทะเลาะกันอยู่ กระทั่งลูกเขยส่งข้อความทางไลน์มาบอกว่าได้ฆ่าลูกสาวของตนเสียชีวิตแล้ว
พ.ต.ต.ชูศักดิ์ ปิ่นรัตน์ สว.สส.สภ.เมืองพัทยา เผยว่าหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ชุดสืบสวนออกหาข่าวจนทราบข้อมูลว่า นายศุภชัย หรือตี๋ ได้จองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังจังหวัดตราด ในวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่มีการเดินทางตามกำหนดการดังกล่าว ส่วนกรณีที่นายศุภชัย ส่งไลน์ไปบอกแม่ยายว่าจะเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจนั้น เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เชิญนางหนี (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) แม่เลี้ยงของนายศุภชัย มาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากเกรงจะเสียรูปคดี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบเบาะแสของคนร้ายแล้ว และคาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้.