กาญจนบุรี - วุ่น! พ่อค้าแม่ค้าตลาดสดชุกโดน และตลาดเทศบาลเมืองกาญจน์ กว่า 200 ราย รวมตัวหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ค้านนโยบายเทศบาลที่ให้ทุกคนต้อง “โอนสำเนาทะเบียนบ้านเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี” ด้านนายกเทศมนตรีฯ เรียกชาวบ้านหารือก่อนบานปลาย แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เตรียมนำเรื่องพึ่งทหารเพื่อหาข้อสรุป
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (1 ก.ย.) บรรดาพ่อค้าและแม่ค้าจากตลาดสดชุกโดน และตลาดเทศบาลเมืองกาญจนบุรี กว่า 200 ราย ได้เดินทางไปรวมตัวที่บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ถนนหลักเมือง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อคัดค้านที่ทางเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ให้ทุกคนโอนสำเนาทะเบียนบ้านเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี
ต่อมา นางเบญจวรรณ เปรมประยูร นายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี ได้ให้เจ้าหน้าที่เทศกิจมาเชิญพ่อค้าแม่ค้าทั้งหมดไปร่วมเจรจาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันที่ห้องประชุมชั้น 2 เทศบาลเมืองกาญจนบุรี โดยมี นายกำธร ภูษิตกาญจนา เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี นายสมหวัง ปุณยถิรวาณิชย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี นายประสิทธิ์ หินอ่อน ปลัดเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เข้าร่วมหารือด้วย โดยนายชาญชัย กสานติกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี ทำหน้าที่ชี้แจง และตอบข้อซักถามของบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ที่มาเฝ้าคอยสังเกตการณ์
สำหรับบรรยากาศภายในห้องประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าไม่พอใจที่ทางเทศบาลมีข้อกำหนดให้ทุกคนต้องดำเนินการตามนโยบายของทางเทศบาล ตามประกาศเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เรื่อง การกำหนดพื้นที่ผ่อนผัน หลักเกณฑ์ ขั้นตอน การจัดระเบียบการจำหน่ายสินค้า และวิธีการรับสมัครผู้จำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ วันที่ 21 ก.ค.2547 หรือตลาดสดที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลเมืองกาญจนบุรีทั้งหมด 2 แห่ง คือ ตลาดสดเทศบาล (สายหยุด) และตลาดสดชุกโดน ต.บ้านใต้ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี
สำหรับข้อกำหนดจากเอกสารที่ทุกคนได้รับมีทั้งหมดประมาณ 8 ข้อ แต่ที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ทุกคนมากที่สุดคือ ข้อกำหนดที่ 4 คุณสมบัติของผู้จำหน่ายสินค้า หัวข้อย่อยที่ 4.1 ทุกคนจะต้องมีสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เท่านั้น จึงจะสามารถเข้ามาขายของภายในตลาดสดทั้ง 2 แห่งนี้ได้ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางมาในครั้งนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล เช่น เทศบาลตำบลปากแพรก เทศบาลตำบลท่ามะขาม เป็นต้น และทั้งหมดยึดอาชีพขายของที่ตลาดสดของเทศบาลทั้ง 2 แห่งมานานกว่า 20 ปี
ทั้งนี้ นายชาญชัย กสานติกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี ได้ชี้แจงยืนยันต่อพ่อค้าแม่ค้าทั้งหมดว่า “ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ 4.1 เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดดังกล่าวได้” ซึ่งหลังจากได้ยินคำยืนยันดังกล่าวทำให้พ่อค้าแม่ค้าต่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทำให้บรรยากาศเคร่งเครียดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเกิดเหตุบานปลายไปมากกว่านี้ นายชาญชัย จึงได้กล่าวสรุปว่า “ขอนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ หน่วยงานที่ดูแลความสงบในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรีอย่างเร่งด่วน หากผลออกมาเป็นอย่างไร ผมจะแจ้งให้ทุกคนทราบโดยเร็ว”
แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่พอใจ และได้สอบถามว่า “อำนาจการตัดสินใจข้อ 4.1 เป็นของเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ทำไมต้องให้ทหารเป็นผู้ตัดสินใจแทน ทั้งๆ ที่ทุกคนต่างก็ทำมาหากินมานานแล้ว” แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากเทศบาลฯ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับ โดยการประชุมใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
นายชาญชัย กสานติกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี กล่าวภายหลังว่า ชาวบ้านทั้งหมดที่มาในวันนี้เพื่อเรียกร้องให้ทางเทศบาลเมืองกาญจนบุรี แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนใน 3 ประเด็นคือ ประเด็นการให้ทุกคนหยุดขายของในตลาดทั้ง 2 แห่งเดือนละ 1 วัน เพื่อทำความสะอาด และประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดเวลาปิดร้านในช่วงเย็น โดยทั้ง 2 ประเด็นสามารถแก้ไขปัญหาได้แล้วคือ จะไม่มีวันหยุดสามารถขายของได้ทั้งเดือน และสามารถปิดร้านจนกว่าจะเก็บของหมด เพราะบางร้านมีสินค้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถเก็บของได้ทันเวลาที่กำหนด
ส่วนประเด็นที่ 3 ที่ยังมีปัญหาไม่สามารถตกลงกันได้คือ ข้อ 4.1 ทุกคนจะต้องมีสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรีเท่านั้น
“หลังจากนี้จะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหาทางออกร่วมกัน โดยมีเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ที่ดูแลความสงบในพื้นที่เทศบาลเมืองกาญจนบุรี หากผลการประชุมมีมติออกมา ตนจะรีบแจ้งให้พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในตลาดสดเทศบาลทราบพร้อมกันทุกคน” นายชาญชัย กล่าว