ผู้ว่าฯ ประจวบฯ สวดอุทยานกุยบุรีปล่อยช้างป่าถูกไฟฟ้าช็อดตายซ้ำซาก

ประจวบคีรีขันธ์ - เจ้าของไร่มะม่วง พร้อมลูกจ้างเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด หลังช้างป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ถูกไฟฟ้าที่ล้อมรอบไร่มะม่วงช็อตเสียชีวิต ขณะที่ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ ย้ำอุทยานฯ กุยบุรี ให้สนใจดูแลปัญหาสัตว์ป่าที่ออกมานอกพื้นที่ หลังพบเป็นครั้งที่ 2 ที่ช้างป่าถูกช็อตตาย “หม่อมเจ้าหญิงรังษี” สลดต่อปัญหาช้างกุยบุรี ย้ำให้กรมอุทยานฯ มีมาตรการดูแลสัตว์ป่า และชี้แจงทำความเข้าใจต่อชุมชนรอบข้างให้ช่วยรักษ์ป่า และอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยเฉพาะการใช้รั้วไฟฟ้าปล่อยกระแสไฟเกินความจำเป็น

วันนี้ (23 ส.ค.) ความคืบหน้าจากกรณีปัญหาช้างป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกมาหากินในพื้นที่หุบตามี ด้านทิศใต้ของหุบตะเคียนยักษ์ บ้านหนองแหน หมู่ที่ 3 ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และถูกไฟฟ้าช็อตเสียชีวิตเมื่อวานนี้ บริเวณไร่มะม่วงของ นายสุพัฒน์ สัมฤทธ์จันตนา เกษตรกรชาวศาลาลัย ที่ขึงป้องกันช้างป่าไม่ให้เข้ามากัดกินพืชไร่ประมาณ 50 ไร่ ซึ่งช้างป่าตัวดังกล่าวที่พบอายุราวประมาณ 20 ปี เพศผู้ มีงาสวยงาม

นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการฝังซากช้างป่าตัวดังกล่าวไปแล้ว พร้อมทำการถอดงาออกมาทั้ง 2 ข้าง ซึ่งมีความยาวข้างละประมาณ 70 ซม. โดยทำการลงบรรทึกประจำวันไว้ที่พนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด และนำงามาเก็บรักษาไว้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด กรณีช้างป่าเสียชีวิตเนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่งทางเจ้าของไร่ และลูกจ้างที่มาเฝ้าไร่มะม่วงดังกล่าวได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และประกันตัวไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2554 ก็ได้เกิดเหตุการลักษณะเช่นนี้ต่อช้างป่ากุยบุรี มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เป็นไร่สับปะรด เป็นการขึงเส้นลวดเพื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าป้องกันช้างป่าเช่นกัน ครั้งนั้นเป็นช้างป่าเพศผู้มีงา อายุก็พอกับช้างป่าตัวล่าสุด

วันนี้อยากให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ต้องคอยลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่แนวเขตที่ต่อกับกุยบุรีให้มากยิ่งขึ้น ทั้งสามร้อยยอด ปราณบุรี ซึ่งทั้ง 2 พื้นที่ก็มีช้างป่าออกจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี มารบกวนพื้นที่ของชาวบ้าน และสิ่งสำคัญควรที่จะต้องเข้าไปให้ความรู้ และตรวจสอบกับเจ้าของไร่ด้วยว่า ไม่ใช่ปล่อยกระแสไฟฟ้าขนาดทำให้ช้าง หรือสัตว์ป่าตายได้

“เรื่องนี้ผมทราบว่าวันนี้อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กำลังจะมีการเปิดเพื่อการท่องเที่ยวหลังจากปิดไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้วที่กระทิง และช้างตาย วันนี้ช้างถูกไฟฟ้าช็อตตายขึ้นมาอีก ผมว่ายังไม่ควรเปิดการท่องเที่ยว เพราะหากเปิดการท่องเที่ยวก็ต้องแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปเพื่อท่องเที่ยว ความเป็นจริงแล้วอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ควรดูแลป่าไม้ และสัตว์ป่าให้มากกว่าที่เป็นอยู่”

“ในส่วนของฝ่ายปกครองนั้น ก็คงต้องให้ทางนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปตรวจสอบดูว่าในปัจจุบันยังมีพื้นที่ไหนที่ยังปล่อยกระแสไฟฟ้าลักษณะเช่นนี้อยู่อีก และคงต้องชี้แจงต่อเจ้าของไร่ให้ได้รับรู้ว่า ไฟฟ้าที่ปล่อยในการป้องกันสัตว์ป่านั้นเป็นอันตรายถึงตายทันที” ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าว

ด้านหม่อมเจ้าหญิงรังษีนภดล ยุคล กล่าวด้วยว่า ทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ แจ้งให้ทราบถึงเรื่องช้างป่าถูกลวดไฟฟ้าช็อตตายอีกรู้สึกสลดใจจริงๆ ซึ่งในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ซึ่งมีสัตว์ป่าทั้งช้าง และกระทิงเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น จึงอยากฝากไปยังอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าฯ ด้วยว่า ควรจัดการบริหารพื้นที่จุดนี้ให้ดี เมื่อเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยพิทักษ์ไม่พอก็น่าจะเพิ่มเติมได้ เพราะไม่อยากเห็นสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เสียชีวิตด้วยสาเหตุต่างๆ ทั้ง ล่า วางยาเบื่อ ไฟฟ้าช็อต และทำไมยังปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นอีก ควรต้องไปสร้างความเข้าใจต่อชาวบ้านในพื้นที่รอบอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ให้พวกเขารู้จักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า จุดไหนเป็นจุดล่อแหลม หรือไม่ปลอดภัยต่อสัตว์ป่า ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ควรเข้าไปจัดการหามาตรการ และวิธีป้องกัน พยามหาแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมให้ได้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงสิ้นเดือนนี้ ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมตามโครงการสัมมนาเพื่อการหารือความร่วมมือระหว่างประเทศในการอนุรักษ์ป่า และสัตว์ป่าระหว่างประเทศไทย และสาธารรัฐแห่งสหภาพพม่า เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองที่เป็นมรดกโลกมรดกแห่งอาเซียน และพื้นที่คุ้มครองข้ามพรมแดนระหว่างประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 26 ส.ค.-1 ก.ย. 57 และจะมีการศึกษาดูงานในที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งมีการแก้ไขปัญหาคนกับช้างป่าอยู่ร่วมกันได้