xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.สุรินทร์” ชี้คนระยองควรฉวยโอกาสทองด้านท่องเที่ยว คิดใหม่ทำใหม่ด้านงานบริการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระยอง - หอการค้าระยอง เชิญ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ปาฐกถา “โฉมหน้าอาเซียนปี 58 เปิดประตู่สู่ระยอง” เผยอาเซียนเปรียบเสมือนละครฉากใหญ่ที่กำลังถูกเปิดม่านมาให้ 600 ล้านคนในภูมิภาคนี้ได้เห็น ฉะนั้นต้องมีการเตรียมตัวขึ้นไปเล่นละครบนเวที หวั่นคนไทยไม่มีเตรียมตัวรับ AEC จะอยู่รอดลำบาก ข้างหน้าอันนี้คืออันตราย โฉมหน้าการท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไป คนระยองควรฉวยโอกาสในเรื่องการท่องเที่ยว

วันนี้ (21 ส.ค.) ที่โรงแรมโกลเด้นซิตี้ ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง หอการค้า จ.ระยอง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง จัดโครงการ “โฉมหน้าอาเซียนปี 2558 เปิดประตูสู่ระยอง” เพื่อให้ความรู้ และการเตรียมความพร้อมให้แก่ประชาชนชาวระยอง และได้รับเกียรติจาก ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนมา ปฐกถาพิเศษ เออีซี โอกาสทองเศรษฐกิจไทย โดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ นายวิชัย ล้ำสุทธิ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.ระยอง นางอนุชิดา ชินศิรประภา ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง และคณะกรรมการหอการค้า พ่อค้า นักธุรกิจ ประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ได้แสดงปฐกถาในตอนหนึ่งว่า อาเซียนคือความคิดของคนไทย เจ้าของความคิดคือ นายถนัด คอมันตร์ ปัจจุบันอายุ 100 ปี และอีก 4 คนคือ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย อดีตรองนายก และรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ และรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน ที่ร่วมลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ ตั้งอาเซียนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 ปัจจุบันในจำนวน 5 คน เหลืออยู่เพียงคนเดียว คือ นายถนัด คอมันตร์ อาเซียนเป็นความคิดริเริ่ม และเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเรา แต่ประเทศไทยเราไม่มีความต่อเนื่อง และไม่มีเสถียรภาพ นโยบายมีการเปลี่ยนแปลงตลอด

รวมทั้งเปลี่ยนตัวบุคคลบ่อย ตนอยู่อาเซียนมานาน 5 ปี ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีของไทย 5 คน ต้องบรรยายสรุปกันทุกคนที่มีการเปลี่ยนแปลง บางคนฟังรู้เรื่องไม่รู้เรื่องบ้าง บางคนกำลังจะไปประชุมก็โดนปลดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงรัฐมนตรี อธิบดี หรือหัวหน้ากอง ที่จะต้องไปนั่งประชุม 1 ใน 10 เวทีอาเซียน ข้อสังเกตว่า 5 ปี สุดท้ายคุณภาพของข้าราชการไทยลดลงไปมาก ปัญหาความต่อเนื่อง ปัญหาคัดสรรคนเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่วิกฤตสำหรับผลประโยชน์ของประเทศชาติ เมื่อไหร่ที่มีการแต่งตั้งเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งโดยใช้ความสำคัญส่วนตัวเป็นมาตรฐานในการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง

เมื่อไหร่ก็ตามที่เอาความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องสถาบัน และองค์กรนั้นจะไม่มีความสามารถที่จะได้ความเป็นเลิศ เพื่อที่จะมาใช้เป็นพลังในการที่จะออกไปต่อรองปกป้องผลประโยชน์ของเราในเวทีต่างประเทศ นี่คือปัญหาของประเทศไทย สู้ประเทศอื่นๆ ที่เขามีความต่อเนื่องที่เอาความรู้ความสามารถ และความเป็นเลิศว่าใครควรจะนั่งอยู่ตรงไหนเมื่อไหร่ รับผิดชอบเรื่องอะไร ส่วนของเราเรื่องการโยกย้าย เลื่อนตำแหน่งโดยใช้นามบัตร โทรศัพท์ไปฝาก และด้วยการเหมาเครื่องบินไปเยี่ยม พอกลับมาบอกว่า ตำแหน่งนี้พี่ได้มาเพราะพี่ให้

ประเทศไทยโชคดีที่ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ส่วนประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ล้วนเป็นเมืองขึ้นมาก่อน นับเป็นมรดกที่ได้มาจากอดีต แต่สิ่งที่อาณานิคมเอามาให้ประเทศอื่น คือ เรื่องภาษา ระบบการขนส่ง กฎหมาย และโครงสร้างทางการเมืองเช่น วิธีคิด วิธีวิเคราะห์ปัญหา วิธีเผชิญปัญหา และการแก้ปัญหา

แต่คนไทยเราก็ยังใช้วิธีเมื่อสมัยสุโขทัยในอดีต เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขามีแต่เราขาด สิ่งที่เรามีเขาไม่มี เราจึงไม่มีปัจจัยต่างๆ เหล่านั้นที่จะใช้ในการแข่งขันในเวทีหลังจากประเทศเหล่านั้นผ่านพ้นการเป็นอาณานิคม แต่เขาไม่ได้หยุดอยุ่แค่อาเซียน เขาวิ่งอยู่ในโลกที่สาม อยู่ในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา

เพราะฉะนั้น อาวุธทางด้านการทูต และทางการเมืองถูกลับให้แหลมคมอยู่ตลอดเวลา ผิดกับของไทยเราไม่มีอะไรที่ต้องพิสูจน์ ไม่ต้องไปดิ้นรนอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร

ดร.สุรินทร์ กล่าวว่า ภาษาอังกฤษเป็นภาษาการทูต การค้า การลงทุน เพราะฉะนั้นสิ่งซึ่งอาณานิคมเอามาให้คนอื่นนั้น เราขาด เมื่อเปรียบเทียบดังกล่าวแล้วก็ให้ตัดสินใจกันเอาเอง ถ้าเรามีความเข้าใจในพระราชกรณียกิจพระราโชบายของรัชกาลที่ 4 และที่ 5 ประเทศไทยเราคงไม่อยู่อย่างนี้ในขณะนี้

ภาษาอังกฤษของไทยเราคงไม่อยู่อันดับ 8 ในอาเซียน และในอันดับ 53 จาก 54 ประเทศที่มีการสำรวจวิสัยทัศน์ของอาเซียนคือ เวทีใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาสความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่เต็มไปด้วยการแข่งขัน จะต้องมีความรู้ ความสามารถ มีความพร้อม และมีความสามารถ ถ้าไม่พร้อม ไม่เก่ง และไม่เป็นเลิศ เวทีนั้นก็จะไม่ได้ประโยชน์สำหรับเรา

อาเซียนเปรียบเสมือนละครฉากใหญ่เรื่องอาณานิคม ที่กำลังถูกเปิดม่านมาให้พวกเรา 600 ล้านคนในภูมิภาคนี้ได้เห็นประจักษ์ เพราะฉะนั้นต้องมีการเตรียมตัวขึ้นไปเล่นละครบนเวทีนี้ ผมกลัวว่าคนไทยมีความเคยชินกับการไม่ได้เตรียมตัว กับการอยู่รอดเพราะมรดกจากอดีตก็เลยคิดว่าจะอยู่รอดต่อไปข้างหน้าอันนี้คือ อันตราย โฉมหน้าการท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไป ระยอง รับแขกจากต่างประเทศ เครื่องบินเหมาลำมาลงสนามบินอู่ตะเภา สุวรรณภูมิ หรือดอนเมือง บริษัทต่างประเทศเหมาลำนำนักท่องเที่ยวมาเที่ยวระยอง แล้วก็นำนักท่องเที่ยวเหล่านั้นไปเที่ยวต่อประเทศเพื่อนบ้าน แล้วก็นำกลับมาประเทศไทย แล้วก็พาไปเที่ยวต่อที่ประเทศอื่น

ดร.สุรินทร์ กล่าวอีกว่า หอการค้าระยอง และนักธุรกิจท่องเที่ยวระยอง ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ปรับการบริการของตนเอง นำนักท่องเที่ยวเข้ามา แล้วส่งนักท่องเที่ยวกลับเอง เราจะได้หลายขั้นตอน แต่ถ้าเรายังทำตัวเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ทำตัวเป็นมือรอง อยู่อย่างนี้ผลประโยชน์มากมายมหาศาลจะเป็นของคนอื่น ที่เราไม่คิดทำเองเพราะหาคนยากที่จะพูดภาษาอังกฤษ ภาษาต่างประเทศได้ หาคนยากที่จะเห็นภูมิภาคนี้ในภาพรวม ทำไมคนระยอง ไม่ฉวยเอาโอกาสนี้มาอยู่ในภาคการท่องเที่ยว จ.ระยอง หรือหอการค้าระยอง นี่คือสิ่งที่อาเซียนหยิบยื่นให้


กำลังโหลดความคิดเห็น