ศูนย์ข่าวศรีราชา-เมืองพัทยา แจ้งตำรวจเอาผิดคอนโดฯ ยักษ์ลอบก่อสร้างอาคารหลังถูกคำสั่งระงับชั่วคราว แต่เอกสารยังไม่รัดกุม รรท.ผกก.สภ.เมืองพัทยา แนะให้กลับไปทำใหม่หวั่นเป็นมวยล้มต้มคนดู ก่อนนำกำลังรุดตรวจ พบขนคนงานหนีจ้าละหวั่น
จากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่ประชาชนในพื้นที่เมืองพัทยาคัดค้านการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ชื่อ “Water Front Suites&Residence” ตั้งอยู่บริเวณริมเขา สทร.5 พัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยร้องขอให้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาตรวจสอบว่า มีการอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ริมทะเลได้อย่างไร ที่สำคัญอาคารดังกล่าวซึ่งมีขนาดความสูงถึง 53 ชั้น ยังบดบังสภาพภูมิทัศน์ด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา และพระบรมราชานุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ประชาชนให้ความเคารพศรัทธา
นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวต่อสาธารณชนว่า โครงการนี้มีการขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งเรื่องของเอกสารที่ดิน แบบแปลนโครงการ และการอนุมัติโครงการที่ผ่านความเห็นชอบเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
อีกทั้งยังอยู่ในเขตผังเมืองสีแดง หรือเขตพานิชยกรรม เมืองพัทยาจึงได้อนุมัติการก่อสร้างไปตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ส่วนกรณีของการบดบังสภาพภูมิทัศน์นั้นตามกฎหมายไม่ได้ระบุคำสั่งห้ามไว้ จึงเป็นสิทธิที่จะมีการขออนุญาตได้ตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเมืองพัทยาได้ระงับการก่อสร้างโครงการดังกล่าวเป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบว่า บันไดหนีไฟ และช่องลิฟต์ภายในตัวอาคารนั้นมีการก่อสร้างผิดจากแบบที่ขออนุญาตไว้ต่อ สผ.จึงให้ทำการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนอนุมัติการก่อสร้างต่อไปนั้น
ล่าสุด วันนี้ (19 ส.ค.) นายวสันต์ อันทวาปี นิติกรเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายสมชาย บำรุงศักดิ์ รักษาการหัวหน้าฝ่ายควบคุมอาคาร เมืองพัทยา นำหลักฐานแบบแปลนโครงการ เอกสารประกอบการร้องทุกข์กล่าวโทษ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศุภธีร์ บุญครอง รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อทางโครงการ หลังพบว่าทำการฝ่าฝืนการใช้อาคารในช่วงระงับการใช้ เนื่องจากพื้นที่ภายในอาคารบางส่วนมีการก่อสร้างผิดแบบที่ขออนุญาต
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพูดคุยกับทีมกฎหมายเมืองพัทยา พบว่าเอกสาร และหลักฐานประกอบยังไม่ครอบคลุม และไม่รัดกุมเพียงพอ จึงมีการพูดคุยและแนะนำให้คณะทีมกฎหมายกลับไปรวบรวมข้อมูลมาใหม่ เพื่อเข้าแจ้งความเอาผิดอีกครั้งในวันศุกร์ที่จะถึงนี้
พ.ต.อ.ศุภธีร์ รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองพัทยา ระบุว่า ทีมกฎหมายนำข้อมูลในส่วนของการแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ครอบครองอาคาร ซึ่งมองดูแล้วยังไม่รัดกุมเพียงพอ เพราะบางประเด็นยังไม่ครบถ้วน จึงให้คณะทีมกฎหมายของเมืองพัทยาตั้งคณะกรรมการรวบรวมหลักฐานให้ครบในทุกมิติเพื่อจะได้ดำเนินการในครั้งเดียว หวั่นเป็นมวยล้มต้มคนดู เนื่องจากคดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ที่มีผู้สนใจในระดับประเทศ
ด้านตัวแทนทีมกฎหมายเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยามีหน้าที่แค่การออกคำสั่งระงับใช้เท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจในการบังคับห้ามดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเมืองพัทยา ได้ออกหมาย ค.5 แ ค.6 และ ค.11 ก่อนนำปิดหมายประกาศเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ให้แก้ไขใน 30 วัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ครบตามระยะเวลาดังกล่าว และทราบว่าทางโครงการได้ยื่นเรื่องขอแก้แบบแปลนไปยัง สผ. เรื่องการก่อสร้างผิดแบบในส่วนของบันได และช่องลิฟต์แล้ว แต่ในช่วงเวลานี้หากมีการฝ่าฝืนลักลอบก่อสร้างขัดคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นก็จะถือว่ามีความผิด ซึ่งจะมีโทษดำเนินคดีที่ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทีมกฎหมายเมืองพัทยา พร้อมสื่อมวลชนได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบโครงการเพื่อสำรวจสภาพความเป็นจริง แต่ข่าวรายงานว่า ทางโครงการทราบเบาะแสล่วงหน้าจึงมีการนำรถ 10 ล้อ และรถกระบะมาเร่งขนคนงานออกจากไซต์งานโดยเร็ว ขณะที่เมืองพัทยา จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าตรวจสอบอาคารอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้งในเร็ววันนี้ เพื่อตรวจสอบโครงสร้าง และส่วนที่มีการก่อสร้างผิดแบบ รวมทั้งการตรวจสอบแนวที่ดิน พื้นที่ใช้สอยของอาคาร ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎกระทรวงทรัพยากรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับข้อห้ามในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ด้วย